สุราษฎร์อ่วมน้ำท่วม 3 อำเภอประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน - เมืองคอนหนักทั้งจังหวัด !
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ภัยพิบัติ สุราษฎร์อ่วมน้ำท่วม 3 อำเภอประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน - เมืองคอนหนักทั้งจังหวัด !
สุราษฎร์อ่วมน้ำท่วม 3 อำเภอประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน - เมืองคอนหนักทั้งจังหวัด !
วันที่ 23 พ.ย. นายธนกร ตระบันพฤกษ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานความคืบหน้า สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จากภาวะความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ทำให้มีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ส่งผลให้มีน้ำท่วมฉับพลัน ในพื้นที่ลุ่ม 3 อำเภอ ได้แก่ ท่าชนะ ไชยา และกาญจนดิษฐ์ รวม 14 ตำบล 77 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 1,959 ครัวเรือน ขณะเดียวกันเฝ้าระวังพื้นที่ใกล้ริมแม่น้ำตาปีและพื้นที่ลุ่มเฝ้าระวังภาวะน้ำล้น หากฝนยังตกต่อเนื่อง
โดยที่อำเภอท่าชนะ ซึ่งรับมวลน้ำ จาก อำเภอวิภาวดี ถูกน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 4 ตำบล 13 หมู่บ้านได้แก่ตำบลประสงค์ ตำบลวัง ตำบลคันธุลี ตำบลคลองพา รวม 10 หมู่บ้าน คอสะพานและถนนชำรุด 2 สาย แต่รถยนต์สามารถเดินทางไปมาได้ตามปกติ
ด้านอำเภอไชยา ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม ได้รับมวลน้ำจากพื้นที่อำเภอวิภาวดีเช่นกัน ได้รับผลกระทบ 9 ตำบล 54 หฒุ่บ้านได้แก่ ตำบลปากหมาก ตำบลเวียง ตำบลป่าเว ตำบลเลม็ด ตำบลตลาดไชยา ตำบลโมถ่าย ตำบลทุ่ง ตำบลพุมเรียง และตำบลตะกรบ รวม 54 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 1,225 ครัวเรือน ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาเธารณภัยเขต 11 นำเครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน 3 ลำ ออกให้ความช่วยเหลือ และประกาศแจ้งเตือนราษฎรเตรียมอพยพทรัพย์สินไปยังจุดปลอดภัย
ส่วนที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ มีน้ำป่าจากเขาหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช เอ่อล้นคลองปากฮาย เข้าท่วมพื้นที่ตำบลคลองสระ ราษฎร 700 ครัวเรือน 10 หมู่บ้านได้รับผลกระทบ ถนนชำรุด 20 สาย ขณะเดียวกัน ทางอำเภอฯ พร้อมด้วย ตำรวจตระเวณชายแดน 417 สนับสนุนกำลังพล 12 นาย นำรถบรรทุกออกให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน ที่บ้านวังมัจฉา ตำบลท่าอุแท
ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พิจารณาประกาศให้พื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ เป็นพื้นที่ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 นอกจากนี้ ได้ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ติดแม่น้ำตาปี ให้เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง ให้ยกสิ่งของขึ้นสู่ที่สูง และเตรียมความพร้อมอพยพมายังจุดปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่อำเภอท่าชนะเขตเทศบาลตำบลท่าชนะรถกระจายเสียงประกาศเตือนภัยประจำอำเภอท่าชนะจังหวัดสุราษฎร์ธานีประกาศให้ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลท่าชนะเร่งเก็บข้าวของหนีน้ำหลังน้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุงไหลลงมาอย่างรวดเร็วคาดว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงกลางดึกคืนนี้โดยที่ทางอำเภอท่าชนะได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เตรียมระบายน้ำที่ท่วมขัง ในพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากปริมาณน้ำทางตอนเหนือ บริเวณ ตำบลคลองพา จะไหลมาสมทบอย่างแน่นอนเนื่องจากฝนตกสะสมมาแล้วหลายวัน
ด้านนายชุมพล สุกไส นายอำเภอท่าชนะ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายเร่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ แล้ว ทั้งบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ และการสื่อสาร เนื่องจากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และขอสนับสนุนเรือท้องแบน โดยสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ประกอบกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เปิดเส้นทางระบายน้ำ ลงสู่ทะเล โดยการลอกคู และท่อระบายน้ำ ทำให้สามารถระบายน้ำได้รวดเร็วขึ้นส่วนที่ว่าการอำเภอและสถานที่ราชการอื่นขณะนี้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ด้านล่างและถนนทางเข้าเรียบร้อยแล้ว
ที่โรงเรียนตลาดหนองหวายหมู่ที่1ตำบลท่าชนะ อำเภอท่าชนะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันตัดต้นมะข้ามขนาดใหญ่อายุหลายสิบปีที่เกิดฉีกขาดล้มลงมาทับอาคารเรียนและห้องสมุดของโรงเรียนตลาดหนองหวายทำให้อาคารได้รับความเสียหายหลังคังยุบลงมาโชคดีระหว่างเกิดเหตุมีครูอาศัยอยู่1คนแต่วิ่งหลบหนีออกมาได้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งนี้สายเหตุดังกล่าวเกิดจากฝนตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันส่งผลให้ต้นมะขามรับน้ำมากจนเกิดฉีดขาดลงมาดังกล่าว
ด้านจังหวัดนครศรีฯประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งจังหวัดแล้ว สำนักชลประทานที่ 15 และเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ใช้เครื่องสูบน้ำ 12 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทย พร้อมยืนยันไม่มีเขื่อนคลองท่าดี มีเพียงฝายน้ำล้นเท่านั้น ดินสไลด์ทับรางรถไฟชะอวดรถไฟสายใต้เป็นอัมพา
นายเจษฏา วัฒนานุรักษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีฯกล่าวว่า ขณะนี้ได้ประกาศให้จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้วทั้งจังหวัด18 อำเภอ และเตรียมที่จะประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยภัยพิบัติทั้งจังหวัดในต่อไป เนื่องจากฝนตกหนักน้ำท่วมขังทั้งจังหวัดแล้วในขณะนี้ ส่วนความเสียหายนั้นยังไม่สามารถประเมินได้แต่เบื้องต้นมีประชาชนเดือดร้อนแล้ว482หมู่บ้าน85ตำบล35,000กว่าครัวเรือนและประชาชนเดือดร้อน150,000 กว่าคน ซึ่งพื้นที่ที่น่าเป็นหว่งมากที่สุดก็คงจะเป็นพื้นที่ อ.นบพิตำ,สิชล เพราะสภาพเป็นป่าเขาและได้เกิดดินสไลด์ลงมาในหลายจุดรวมถึงสะพานและถนนได้ขาดหลายสาย ซึ่งล่าสุดสถานการณ์ตอนนี้ระดับน้ำได้เพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่รวมถึงในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราชซึ่งมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อช่วงเช้า
นายชเนตธิ์ สอนลิลา หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 (ฝายคลองท่าดี) สำนักชลประทานที่ 15 เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่สถานีตรวจวัดข้อมูลระดับน้ำสะพานนาปะ หมู่ที่ 5 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำอยู่ที่ 10.7 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งทรงตัวมาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำมาจากคลองท่าดี ที่ไหลมาจากต้นน้ำเทือกเขาหลวง ที่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา ซึ่งคาดว่ามวลน้ำจะไหลถึงเขตเทศบาลนครนครศรีธรรม ราชและระดับน้ำขึ้นสูงสุดในช่วงค่ำของวันนี้อีกรอบ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำในพื้นที่ต้นน้ำอีกระดับน้ำจะค่อย ๆ ลดลง อย่างไรก็ตามขณะนี้สำนักชลประทานที่ 15 ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 12 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 10ชุด ให้เทศบาลนครนครศรีธรรมราชเพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชและพื้นที่ใกล้เคียงออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด
หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 (ฝายคลองท่าดี) กล่าวว่า มีการเข้าใจผิดว่าน้ำที่ท่วมขังในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราชและพื้นที่โดยรอบอยู่ในขณะนี้ เป็นน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนคลองท่าดี ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วไม่มีเขื่อนคลองท่าดี มีเพียงฝายน้ำล้นคลองท่าดีเท่านั้น และไม่มีประตูระบายน้ำแต่อย่างใด ถ้าฝนตกลงมามากน้ำก็จะไหลล้นสันฝายออกไปมากเช่นกัน ไม่มีการปิด-เปิดประตูระบายน้ำแต่อย่างใด จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจในส่วนนี้ด้วย
และผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อ.ชะอวด นครฯได้เกิดสไลด์ลงมาทับบริเวณรางรถไฟชะอวด ทำให้รถไฟสายใต้ทุกขบวนไม่สามารถแผ่นไปได้ซึ่งผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกรุงเทพต้องมาขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสงเท่านั้น โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งในการแก้ไขสถานการณ์อยู่ และในตลาดเทศบาลชะอวดได้เกิดไฟฟ้าดับทั่วทั้งเทศบาลซึ่งทางเทศบาลกำลังเร่งแก้ไขสถานการณ์อยู่
ที่อ.ท่าศาลา บริเวณริมทะเลได้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาส่งผลให้บ้านเรือนชาวบ้านเสียหายกว่า100หลังคาเรือน ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันนี้พล.ต.นพวงศ์ สุรวิชัยรองแม่ทัพภาคที่4ได้นำกำลังทหารออกไปช่วยเหลือชาวบ้านชาวบ้าน โดยได้มีเรือประมงชื่อฟารุต ขนาดความยาว12เมตรกว้าง2.4 เมตรถูกคลื่นซัดอัปปางที่บริเวณทะเลต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา นครฯ และที่อ.สิชล ได้เกิดน้ำป่าซัดคอสะพานไม้ที่คลองบ้านเผียนม.10 ต.เทพราช ขาดชาวบ้านติดค้างกว่า100ครัวเรือน ทางพ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ ผบ.ค่ายฝึกรบพิเศษสิชลได้นำกำลังเข้าช่วยเหลือซ่อมแซมแล้ว
วันเดียวกัน ศูนย์เฉพาะกิจประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย จ.สงขลา ได้ประกาศให้พื้นที่ 8 อำเภอ ของ จ.สงขลา เป็นเขตพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย(เขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน) มี อ.จะนะ สิงหนคร ระโนด สทิงพระ ควนเนียง กระ แสสินธุ์ รัตภูมิ และ อ.เมืองจากพื้นที่ทั้งหมด 16 อำเภอ โดยให้แต่ละอำเภอเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชน ทั้งบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร โดยในมีพื้นที่ 3 อำเภอ ที่สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง คือ อ.ระโนด อ.สทิงพระ และ อ.จะนะ ซึ่งทั้ง 3 อำเภอ ทางจังหวัดได้จัดส่งเรือท้องแบนเข้าไปสนับสนุนแล้วจำนวน 26 ลำ
นายอำนาจ ผลมาตร์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลาเปิดเผยว่าสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา เริ่มคลี่คลายในทุกพื้นที่ และปริมาณน้ำลดลง เนื่องจากฝนได้หยุดตกตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 8 อำเภอ 63 ตำบล 336 หมู่บ้าน กับอีก 1 ชุมชน 12,312 ครัวเรือน ประชาชนเดือนร้อน 34,041 คน ยังไม่มีผู้เสียชีวิต หรือสูญหาย ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประเมินความเสียทั้งหมด