เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายยงยุทธ ชื่นตา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/70 หมู่ 2 ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 10 คนเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรมกรณี น.ส.สุวิชา เจริญพร อายุ 39 ปี ที่หลอกขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้า รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 40 ล้านบาท โดยมี พ.ต.อ.ยิ่งรัตน์ สะอาดยิ่ง เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่องดังกล่าว
นายยงยุทธ กล่าวว่า ในฐานะผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.อรรถพล อินทะนิน พงส. กก.1 บก.ป. เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา
เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับน.ส.สุวิชา เจริญพร อายุ 39 ปี ที่หลอกขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้า รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาท พร้อมนำเอกสารการสั่งซื่อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน จากนางสาวสุวิชา ซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทออแกไนท์แห่งหนึ่ง
โดยน.ส.สุวิชา บอกว่าสั่งซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เลยหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีผ่านธนาคารกสิกรไทย สาขาสี่แยกทศกรรณ์
เลขบัญชี 774-2-12481-9 ชื่อบัญชี ธิติมา สิงห์เรือง ซึ่งผู้แจ้งคิดว่าเป็นบัญชีของนายธนินทร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับนางสาวสุวิชา เจริญพร ร่วมกันหลอกลวง จากนั้นจึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 3 ก.ย.56 จนถึงวันนี้ปรากฏว่าเรื่องเงียบไป เห็นว่าการเข้าแจ้งความครั้งนี้เรื่องเงียบหายไปคดีไม่คืบหน้า จึงเข้าร้องทุกข์ต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมในการเร่งรัดคดี
ด้านน.ส.นิด (นามสมมุติ) กล่าวว่า พวกตนและผู้เสียหาย ก่อนหน้านี้ไปรู้จักกับ น.ส.สุวิชา เนื่องจากเป็นแฟนของเพื่อน
อ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทรับจัดอีเวนต์ต่างๆ และเป็นญาติกับส.ส.คนหนึ่งที่ จ.เชียงราย หลังจากรู้จักกันไม่นาน น.ส.สุวิชา ชวนซื้อโทรศัพท์ไอโฟนมาขาย โดยอ้างว่ารู้จักกับเซลส์ของบริษัทโดยตรง สามารถหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ถึงเครื่องละ 3,000-5,000 บาท โดยราคาปกติตามท้องตลาดขายกันเครื่องละ 22,000 บาท แต่สามารถหามาขายได้ในราคาแค่ 17,000-18,000 บาท
"พวกเราหลงเชื่อและสั่งซื้อไป หลังจากนั้นกลับไม่ได้รับเครื่องโทรศัพท์ดังกล่าว จึงและเพื่อนๆผู้เสียหายได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่กองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว"นางสาวนิด กล่าว
น.ส.นิด กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบบอกว่ารอสำนวนสอบสวนให้เสร็จก่อน และยังบอกอีกว่าไม่ต้องมาพบบ่อย
ตำรวจไม่มีเวลาทำงานและอย่าบอกนักข่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้เดี๋ยวเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่ เดี๋ยวตำรวจสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเสร็จก็จะขออนุมัติหมายจับกุมต่อศาลทันที ทั้งๆที่ตนกับเพื่อนได้นำเอกสารประกอบด้วยข้อมูลการสนทนา ในการสั่งซื้อ สลิปการโอนเงินผ่านธนาคาร และบัญชีการเดินบัญชีย้อนหลัง-ผลการหาข้อมูล เอกสารการโอนเงิน มอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประกอบการพิจารณาแล้ว แต่ไม่เห็นคดีคืบหน้าแม้แต่น้อย