หมกริมรางรถไฟในเมืองกรุงเก่า พร้อมสาปแช่งฆาตกรให้ตายไปตามกัน
จากกรณีตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา พบศพหญิงสาวสวมชุดแซค ถูกฆ่าบีบคอหมกคูน้ำริมรางรถไฟหมู่ 5 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา ในสภาพท่อนล่างเปลือย ผลการชันสูตรพบว่าผู้ตายถูกข่มขืน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟอยุธยา พบว่าก่อนจะเสียชีวิตผู้ตายได้เดินออกไปจากสถานีรถไฟ พร้อมกับชายสวมชุดซาฟารีสีดำ เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ก.ย. นางยุ้ย (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาวอ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
พร้อมกับญาติๆได้เดินทางเข้าพบร.ต.ท.เปล่ง พานแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของดคี เพื่อยืนยันว่าเป็นญาติหญิงสาวที่ถูกฆ่าทิ้งไว้ริมทางรถไฟ คือ น.ส.ฝน (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี หลังจากพนักงานสอบสวนได้สอบสวนเสร็จ ทั้งหมดได้เดินทางไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุทันที่ โดยนางยุ้ยถึงกลับหลั่งน้ำตาด้วยความเศร้าโศก พร้อมกับจุดธูปเรียกวิญญาณผู้ตายกลับบ้านและให้ไปหลอกหลอนคนร้าย รวมทั้งสาปแช่งฆาตกรให้ตายไปตามกัน
นางยุ้ยเปิดเผยว่า ตนเป็นป้าของผู้ตาย ไม่คิดว่าหลานสาวจะมาจบชีวิตในลักษณะนี้
ขอสาปแช่งคนร้ายที่ลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมกับเด็กผู้หญิงที่เป็นเด็กพิเศษได้ขนาดนี้ หลานสาวคนนี้ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ พ่อแม่แยกทางกัน ผู้ตายเป็นเด็กกำพร้า ได้ออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.56 บอกเพียงว่าจะมาหาเพื่อน คิดว่าจะมาหาเพื่อนที่เรียน กศน.ด้วยกัน น.ส.ฝนมีโทรศัพท์มือถือและเงินสดประมาณพันกว่าบาท มีเสื้อผ้าติดตัวมาชุดเดียว
ต่อมาวันที่ 27 ส.ค. ได้โทรศัพท์กลับมาอีกครั้งบอกว่ากำลังจะกลับบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วง จึงคิดว่าผู้ตายคงจะกลับบ้าน
เมื่อเห็นข่าวออกยังไม่คิดว่าเป็นน.ส.ฝน เพราะคิดว่าหลานจะกลับบ้านแล้ว จนมาทราบอีกครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาว่าหลานสาวถูกฆ่าเสียชีวิต ขอวิงวอนเจ้าหน้าที่เร่งจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษชดใช้กรรมให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าคนร้ายจะไปก่อเหตุกับใครอีก จึงได้เรียกวิญญาณของหลานสาวให้ไปหลอกหลอนคนร้าย และรับศพหลานสาวกลับบ้านไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป