เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา พ.ต.ท.ถาวร เหล่าโพธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา
ได้นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย นางวรนุช กันโต อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 7 ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี และนางศิริพร จิตรติกรกุล อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 1 ซ.ท้าวสุร1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพี่น้องกัน เพื่อทำการสอบปากคำในคดีขายทองคำแท่งยัดไส้ให้กับร้านทองในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 4 แท่งๆ ละ 1 กิโลกรัม รวมเป็น 4 กิโลกรัม มูลค่าเงินกว่า 5 ล้านบาท โดย พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมกับได้เชิญผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของร้านทองมาให้ปากคำด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ได้มีเจ้าของร้านทอง 2 ราย ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา คือ
นายสุเทพ ณัฐกานตร์กนก ร้านทองกรุงเทพตราหัวใจคู่ และนางสาวภัทรียา รัตนศิริมณีเวทย์ ร้านทองไทเฮ้งล้งตาช้าง ได้เข้ามาแจ้งความว่า ได้มีลูกค้านำทองคำแท่งยัดไส้จำนวน 4 แท่ง มาขายให้กับร้านทองทั้ง 2 แห่งๆ ละ 2 แท่ง สูญเสียเงินไปกว่า 5 ล้านบาท โดยลูกค้ารายนี้นำมาขายให้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม และวันที่ 27 สิงหาคม วันละ 1 แท่ง ซึ่งทางร้านรู้สึกผิดปกติ จึงได้นำทองคำแท่งจำนวนหนึ่ง ไปเผาไฟด้วยความร้อนสูงกว่า 3,000 องค์ศาเซลเซียส ปรากฏหว่ามีสิ่งแปลกปลอมทะลุออกมาจากทองคำ จึงทราบว่าทองคำแท่งดังกล่าวมีการยัดไส้มา และได้มาแจ้งความไว้
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา จึงได้ตามจับตัว 2 ผู้ต้องหามาได้ตามชื่อที่อยู่ซึ่งให้ไว้กับร้านทอง
แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าซื้อทองคำแท่งมาจากร้านทองแห่งหนึ่งภายในจังหวัดนครราชสีมา โดยที่ไม่ทราบว่ามีการยัดไส้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะว่าผู้ต้องหาให้การวกไปวนมา และมีความผิดปกติหลายอย่าง จึงได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ไว้ในเบื้องต้น
ทั้งนี้นายสุเทพ ณัฐกานตร์กนก เจ้าของร้านทองกรุงเทพ ตราหัวใจคู่
เปิดเผยว่า ทองคำแท่งที่ลูกค้ารายนี้นำมาขายให้ ถือว่ามีความแนบเนียนมาก ทั้งเนื้อทองคำ น้ำหนัก และเครื่องหมายต่างๆ โดยความหนาของทองทำแท้ที่เคลือบมานั้นคาดว่ามีน้ำหนักประมาณ 5 บาท แต่เมื่อทำเป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จะมีมูลค่าสูงถึง 1.4 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ได้นำมาเผาไฟด้วยความร้อนสูงกว่า 3,000 องศาเซลเซียส ก็จะไม่มีทางรู้ได้ว่าเป็นทองคำแท่งยัดไส้ ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่พบทองคำแท่งยัดไส้เช่นนี้ จึงอยากฝากเตือนไปยังร้านทองทั่วประเทศว่าให้ระมัดระวังไว้ หากพบสิ่งผิดปกติ ให้รีบตรวจสอบอย่างละเอียดทันที
ด้านนายชัยชนะ ประพฤทธิพงษ์ ประธานบริหารชมรมร้านทองนครราชสีมา กล่าวว่า ทองคำแท่งยัดไส้ที่ทำได้แนบเนียนเช่นนี้
เชื่อได้ว่าต้องมีโรงงานในการผลิต และน่าจะผลิตมาจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังเริ่มระบาดเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้นตนจึงได้แจ้งไปยังสมาคมผู้ค้าทองคำ และชมรมร้านทองทั่วประเทศ เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมกลุ่มคนร้ายเหล่านี้ ซึ่งแน่ใจว่าจะต้องทำกันเป็นขบวนการใหญ่ และมีเงินหมุนเวียนเป็นมูลค่ามหาศาล ทั้งนี้ตนอยากแจ้งให้ประชาชนหันมาซื้อทองคำกับร้านทองดีกว่าไปซื้อกันเองนอกระบบ เพราะจะมีรหัส และใบรับประกันของแท้แน่นอนกว่า
ขณะที่ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ถือว่าโชคดีของร้านทองในจังหวัดนครราชสีมา
เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งจะมีการอบรมเรื่อง "รู้ทันทองปลอม" ขึ้น จึงทำให้ร้านทองต่างๆ เกิดความตื่นตัว จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่ด้วยหลักฐานคือทองคำแท่งยัดไส้ที่นำไปขายให้กับร้านทอง จึงได้แจ้งความข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป