บิ๊กแจ๊ด ยันเรื่อง เอกยุทธ จบแล้ว ใครติดใจเข้ามาให้ปากคำเป็นพยาน

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.
 
พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่ถูกฆาตกรรมเสียชีวิต ได้ตั้งข้อสงสัย 5 ข้อ โดยเฉพาะเรื่องฮาร์ดดิสก์และรถนำขบวนเอาศพนายเอกยุทธไปฝังที่ จ.พัทลุง ที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม โดยให้ฝ่ายสืบสวนเร่งดำเนินการหาข้อมูลและรายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน


พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตำรวจได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนทั้งหมดและเป็นเพียงเรื่องเดิมๆ

ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจบแล้ว อย่าเอามาเป็นประเด็น อย่าหาความโด่งดังอะไรจากศพ หลักฐานต่างๆ ชัดเจนอยู่แล้ว ตนยืนยันจากประสบการณ์ที่ทำคดีมา คดีนี้ไม่มีทางหลุดอย่างแน่นอน เล็กๆ น้อยๆ ไม่หลุด ถ้าพวกทำคดีดังกล่าวแล้วหลุดหรือมีข้อเสียหายตกหล่นไป


"ผมถือว่าการที่พวกผมตลอดชีวิตทำงานสืบสวนมามันใช้ไม่ได้ เพราะถ้าหลุด เราคงไม่จับได้เร็วขนาดนี้ ถึงบอกย้ำแล้วย้ำอีกว่าสงสารนายเอกยุทธ ถ้ามีการแจ้งเข้ามาเร็วกว่านี้คงไม่เสียชีวิต บอกไม่รู้กี่ครั้งกี่หน อย่างไรก็ตาม นายสมชาย จิตปรีดากร นักธุรกิจที่อ้างชื่อถึง ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับทนายทั้ง 2 คนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ไว้แล้ว ก็ว่ากันไป ยืนยันว่าคดีนี้ทำตรงไปตรงมาไม่มีเลศนัยสลับซับซ้อน" ผบช.น. กล่าว 


บิ๊กแจ๊ด ยันเรื่อง เอกยุทธ จบแล้ว ใครติดใจเข้ามาให้ปากคำเป็นพยาน

เมื่อถามว่า ทางพนักงานสอบสวนจะนำผลการตรวจสอบของพนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่

พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับผลของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่สรุปมาแต่อย่างใด ยังไม่ถึงมือตำรวจเลย ถ้าให้ดีคณะกรรมการคนใดก็ได้ที่อยากจะเป็นข่าวเอาสรุปผลมาพบ พล.ต.ต.อนุชัย สอบปากคำเป็นพยานว่าเป็นอย่างไรกัน เรื่องจะได้จบไป อย่าเอาความนึกคิดจินตนาการของตัวเองอยู่คนเดียวมาหักล้างพยานหลักฐานดังกล่าว ซึ่งคดีนี้พร้อมที่จะไปว่ากันในศาลอยู่แล้ว


ด้าน พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบมา

ทราบว่ากรณีของนายสมชาย จิตปรีดากร นักธุรกิจที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมชายรู้จักกับนายสันติภาพ เพ็งด้วงและเคยทำงานด้วยนั้น นายสมชายไม่รู้เรื่องดังกล่าวและไม่เคยเดินทางไปที่พรรคเพื่อไทยกับใครแต่อย่างใด ส่วนฮาร์ดดิสก์ที่ฝั่งนายสุวัฒน์อ้างว่านายสันติภาพนำไปฝังไว้นั้น ชุดสืบสวนได้ลงไปสอบถามพี่เขยของลูกพี่ลูกน้องทราบชื่อคือนายเอ็กซ์ โดยได้สอบปากคำไว้แล้วให้การว่า ครั้งแรกนายสันติภาพได้ลงไปหานายเอ็กซ์และพี่สาวที่เป็นญาติกันจริง เพื่อนำศพของนายเอกยุทธไปให้ทั้ง 2 คนนำไปฝังให้ แต่ทั้ง 2 คนกลัวผี จึงไม่ยอมฝังให้ และยังเห็นอีกว่าฮาร์ดดิสก์และโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อนำใส่ถุงพลาสติกนำไปทุบทิ้งอยู่บริเวณข้างบ้านของญาติดังกล่าว ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่ได้มีการนำไปฝังไว้ในจุดอื่นๆ แต่อย่างใด จะมีประโยชน์อะไร เพราะมีแค่นายสันติภาพและนายสุทธิพงษ์ พิมพิสาร เข้าไปในบ้านเพียง 2 คนเท่านั้น  


"ส่วนข้อที่ 5 กรณีที่อ้างว่ามีรถนำ ผมได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่นายสันติภาพขับรถยนต์ของผู้ตายไป และตรวจสอบชื่อที่อยู่ของรถยนต์ที่วิ่งนำน่าจะเป็นรถนำหรือผ่านบริเวณดังกล่าวทั้งหมด ก็ไม่มีรถยนต์ต้องสงสัยที่เป็นพิรุธหรือหน้าจะเป็นรถนำแต่อย่างใด" ผบก.สส.บช.น.กล่าว


ขณะที่ พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องรายงานของคณะกรรม กสม. ทาง บช.น.ยังไม่ได้รับข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด

โดยได้ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายอำนวยการยังไม่ได้ ซึ่งอย่างที่ ผบช.น.ได้เรียนไว้แล้วว่า เราก็พร้อมที่จะพิจารณา ถ้ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องสามารถพิสูจน์ความผิดได้ ส่วนการตรวจสอบผลการชันสูตรพลิกศพอีกครั้งหรือไม่นั้น ไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากรายงานการชันสูตรพลิกศพ ความเห็นแพทย์ตรงกับลักษณะบาดแผลและตรงกับสภาพศพ ตรงเหตุการณ์ทุกอย่าง คำรับของผู้ต้องหาก็สอดคล้องต้องกันว่าสาเหตุที่ตายเนื่องจากอะไร


"ต้องว่าตามรายงานแพทย์ที่มาให้การไว้กับเรา การที่ใครจะแสดงความคิดเห็นในส่วนต่างๆ ผมว่าพนักงานสอบสวนคงไม่มีขีดสามารถที่จะตามไปแก้ทุกจุด เราว่าไปตามพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนที่เรารวบรวมได้ ส่วนพนักงานอัยการสั่งให้สอบประเด็นอะไรเพิ่มนั้น คงยังเปิดเผยไม่ได้ แต่ก็ได้มีการปรึกษาหารือกัน อะไรที่คิดว่าพนักงานอัยการเห็นว่าจะทำให้คดีมีน้ำหนักหรือสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แนะนำมาเราก็ทำตามอำนาจของพนักงานอัยการ" พล.ต.ต.อนุชัยกล่าว


เมื่อถามถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนของวุฒิสภาเรียกเข้าพบ พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า
 
เคยไปชี้แจงมาแล้ว รวมทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็เคยได้ไปชี้แจงมาแล้วกับคณะกรรมการ 3-4 ชุด วันนี้ได้ไปชี้แจงกับคณะกรรมการดังกล่าว โดยได้ตอบข้อซักถามตามที่สงสัยให้คำแนะนำอยู่ แต่ไม่สามารถตอบอะไรได้มาก เพราะสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวได้ส่งไปในชั้นพนักงานอัยการรอส่งฟ้องศาลอยู่แล้ว พนักงานสอบสวนก็ชี้แจงไปในสิ่งที่สามารถเปิดเผยได้และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด


เมื่อถามถึงการติดตามสิ่งของที่เหลือนั้น พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า
 
คดีนี้ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายมี 10 กว่ารายการ เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามได้เกือบครบเป็นคดีที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบมาก เพราะของกลางได้เพียบ ขาดเพียงแค่สร้อยและนาฬิกาเท่านั้น แต่ยังไม่เลิกก็ส่งรูปพรรณของกลางไปที่แผนกสืบจับ ซึ่งก็ต้องให้เวลาตำรวจด้วย และพยายามจะทำอย่างเต็มความสามารถ


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์