นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม
ถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำกลับมาดำเนินคดีว่า ก่อนหน้านี้อดีตพระเณรคำแจ้งผ่านทนายความติดต่อขอมอบตัววันนี้ แต่เมื่อถึงเวลา ตนได้รับแจ้งด้วยตัวเองจากทางทนายความอดีตพระเณรคำว่า มีเหตุขัดข้องจากการเจ็บป่วย และรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อใช้ประกันตัว จึงขอเลื่อนเข้ามอบตัวออกไปอีก 3-4 วัน ซึ่งทางดีเอสไอเห็นว่าเมื่อผู้ถูกกล่าวหาจะเข้ามอบตัวก็เป็นผลดีต่อกระบวนการยุติธรรม และการขอเลื่อนมอบตัวครั้งนี้ ก็มีเหตุสมควรอนุญาต โดยให้โอกาสอดีตพระเณรคำมามอบตัวสัปดาห์หน้า แต่ยืนยันว่าถ้าพ้นสัปดาห์หน้าไปแล้ว ยังไม่มา ดีเอสไอจะดำเนินการเข้มงวด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี แม้จะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม
“ให้เวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ ถ้าไม่มามอบตัว จะดำเนินมาตรการเข้มข้น เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งดีเอสไอเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว โดยเฉพาะลาวเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเรา” นายธาริตกล่าว และว่า ส่วนที่อยู่ของอดีตพระเณรคำนั้น ที่ดีเอสไอรับแจ้งมาตรงกับเบาะแสที่ดีเอสไอได้มาว่า อดีตพระเณรคำเดินทางจากสหรัฐมาอยู่ในประเทศลาว ทั้งนี้ ถ้าอดีตพระเณรคำเข้ามอบตัวจะได้รับความเป็นธรรม จะได้รับการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว แต่ถ้าถูกจับกุม ดีเอสไอไม่ให้ประกันตัวแน่นอน ก็อยู่ที่อดีตพระเณรคำจะตัดสินใจอย่างไร
ส่วนกรณีนายสงกานต์ อัจฉริยทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
มอบชิ้นส่วนจีวรที่ระบุเป็นของอดีตพระเณรคำที่ได้จากอดีตลูกศิษย์ และพระเครื่องรุ่นเนื้อชานหมากที่ระบุมีเส้นผมอดีตพระเณรคำให้ดีเอสไอ นำไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับเด็กชายอายุ 11 ขวบว่าเป็นพ่อลูกกันหรือไม่นั้น นายธาริตกล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกำลังพิจารณา เพราะหลักฐานอย่างนี้ไม่ได้เก็บมาจากต้นตอโดยตรง จะผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ง่าย ปกติการเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ต้องเก็บจากแหล่งข้อมูลโดยตรง แต่ถ้าวัตถุพยานไปผ่านมือใครเก็บไว้ มีโอกาสคลาดเคลื่อนสูง ดีเอสไอต้องพิจารณาให้รอบด้าน ที่สำคัญหากผู้ถูกกล่าวหาประสงค์เข้ามอบตัว เราควรพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสม
วันเดียวกัน ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย–ลาว อ.เมืองหนองคาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุกิจ พูลศรีเกษม ทนายความ ผู้ประสานงานให้อดีตหลวงปู่เณรคำเดินทางมายื่นเอกสารหนังสือผ่านแดนชั่วคราว (border pass) พร้อมหญิงสาวและผู้ติดตามชายอีกคน ก่อนขึ้นรถตู้โดยสารข้ามไปยังประเทศลาว โดยกล่าวว่า ตนพาลูกสาวไปเที่ยวประเทศลาว ไม่ได้ไปเรื่องของหลวงปู่เณรคำ และตนก็ยังไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความอย่างเป็นทางการ เพียงทำหน้าที่ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอให้เท่านั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าหลวงปู่เณรคำอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะได้พบกันเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร เพียงให้ประสานเลื่อนเข้ามอบตัวไม่มีกำหนด