เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้รับการประสานจากนายสุกิจ พูลศรีเกษม ทนายความนายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ว่าอดีตเณรคำจะเข้ามอบตัวในวันที่ 8 ส.ค.นั้น ยืนยันว่าได้รับการประสานอย่างชัดเจนว่าจะเดินทางเข้ามอบตัวแน่นอน โดยขณะนี้ได้เดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาไปอยู่ที่ประเทศลาวแล้ว โดยจะเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย
ด้านนายสุกิจเปิดเผยว่า ได้ประสานงานโดยตรงกับอดีตเณรคำว่าต้องการเดินทางกลับมาชี้แจงต่อสาธารณชนและต่อสู้คดีในประเทศไทย
ตนจึงติดต่อกับดีเอสไอเพื่อยื่นเงื่อนไขสำคัญในการเข้ามอบตัวในวันที่ 8 ส.ค.นี้ คือขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องการเดินทางกลับเพื่อมาจัดการภารกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการผลประโยชน์ในสำนักสงฆ์ อย่างไรก็ตามขณะนี้อดีตเณรคำไม่ได้อยู่ในประเทศสหรัฐฯ แต่มารอเข้าประเทศไทยอยู่ในแถบประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกับพระสงฆ์ใกล้ชิดที่ร่วมคณะเดินทางไปที่ประเทศฝรั่งเศส วันที่เดินทางกลับได้วางแผนว่าจะให้ศิษย์คนสนิท ที่เป็นตำรวจหรือทหารเป็นผู้ไปรับตัวกลับเข้าประเทศผ่านด่านชายแดน จากนั้นจะส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมอบหมายให้ประสานการรับตัวกับ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง
ทั้งนี้จะต่อสู้เรื่องการปาราชิกโดยอดีตเณรคำยืนยันไม่ยอมสึกจากความเป็นพระเองโดยเด็ดขาด
ต่อข้อถามถึงความสมัครใจในการเข้าพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อสู้คดีล่วงละเมิดทางเพศ หนึ่งในคดีที่ถูกออกหมายจับแล้ว นายสุกิจตอบว่าการตรวจดีเอ็นเอหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของคู่กรณี เรื่องนี้อดีตเณรคำคงไม่จำเป็นต้องตรวจ ส่วนกรณีที่นายสุริ สุขผล น้องชายออกมาให้ข้อมูลว่าเป็นผู้ที่มีสัมพันธ์กับหญิงที่ปรากฏในภาพถ่ายนั้น ตนไม่รู้ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนในฐานะทนายเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายสุขุม วงประสิทธิ์ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุติธรรม ฐานให้ข้อมูลที่สร้างความเสียหายกับอดีตเณรคำและกระทบต่อรูปคดี ที่ผ่านมายืนยันว่านายสุขุมไม่ได้มอบหมายใด ๆ จากอดีตเณรคำให้ออกมาให้ข่าว
นายสุกิจกล่าวอีกว่า ทีมทนายยังเตรียมฟ้องนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
กรณีที่แจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีอดีตเณรคำ แอบอ้างได้รับดอกไม้พระราชทานเหตุเกิดที่วัดป่าขันติบารมี สาขา 101 บ้านหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และคดีเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อว่า สำนักสงฆ์ของอดีตเณรคำเป็นวัดป่าขันติธรรม และข้อมูลการจัดสร้างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ว่ามีการโฆษณาอวดอ้าง หากบริจาคเงินจะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นต่าง ๆ ตามจำนวนเงินที่บริจาค เพราะล่าสุด ผอ.โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นผู้ทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์เอง ส่วนประเด็นแอบอ้างได้รับดอกไม้พระราชทาน มีพยานยืนยันว่าเป็นดอกไม้ที่รับพระราชทานจริง จึงอยู่ระหว่างพิจารณาฟ้องร้องเอาผิดนายสงกรานต์ตามมาตรา 112 ด้วย.