วันนี้ 1 ส.ค.56 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ
พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจากสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ร่วมประชุมกับนายเบอร์ลี่ แฮงค์ ผอ.สำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลกากร (Immigration and Customs Enforcement หรือ ICE) ประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสถานฑูตประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย หารือแนวทางการผลักดันนายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ใช้เวลากว่า 1 ช.ม.
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลกากรหรือ ICEร่วมประชุมกับดีเอสไอ
ได้มีการอัพเดทสถานการณ์ในความร่วมมือในการนำตัวอดีตพระเณรคำ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ได้พูดถึงรายละเอียดขั้นตอนถึงการดำเนินการต่างๆ อย่างครบถ้วน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินการคืบไปมากแล้ว ทุกอย่างจะดำเนินการภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีขั้นตอนพอสมควร โดยทาง ICE แจ้งให้ดีเอสไอทราบว่าเรื่องนี้ทางสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญสูง ที่จะดำเนินการให้ตามคำร้องขอของดีเอสไอ
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการหารือทั้งหมดทำให้ทางดีเอสไอมีความมั่นใจว่าจะได้ตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดีในเร็ววัน
ส่วนรายละเอียดวิธีปฎิบัติเนื่องจากเป็นการดำเนินการนอกประเทศ อยู่ในราชอาณาจักรของสหรัฐอเมริกา โดยมารยาทเราจะไม่พูดถึงและการปฎิบัติการต้องดำเนินการในทางลับไม่สามารถเผยได้ แต่ทาง ICEให้ความร่วมมือในการประสานงานดีมาก ดีเอสไอมั่นใจว่าจะได้ตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดีในเร็ววัน
ด้านนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ
กล่าวถึงแนวทางการสอบสวนคดีอดีตพระเณรคำ ว่าการสอบสวนขณะนี้จะเน้นตรวจสอบทรัพย์สินว่า มีการนำเงินจากตรงไหนไปซื้อทรัพย์สินโดยเฉพาะรถยนต์กว่า 100 คัน ขั้นตอนการตรวจสอบขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจว่ารถอยู่ที่ใคร เอาเงินที่ไหนไปซื้อ หากสามารถระบุทรัพย์สินได้หมดทั้งบ้าน รถ หรือทรัพย์สินอื่นๆว่าอยู่ที่ไหนกับใคร จะมีการพิสูจน์ที่มาทุกรายการ ในขณะนี้ดีเอสไอได้บอกให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินที่ได้มาจากอดีตพระเณรคำ รักษาทรัพย์สินไปก่อน แต่ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนจนกว่าจะพิสูจน์ที่มาของเงินที่นำมาซื้อได้ แต่เรื่องการพิสูจน์ทรัพย์ใช้เวลานานแน่นอน