เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายพัฒนกิจ มีสา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเอส สปีด ออโต้ เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อชี้แจงกรณีการขายรถยนต์หรู 3 คัน ให้กับนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ) ซึ่งปรากฎว่ามีภาพรถยนต์จอดอยู่ในสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมว่า ต้องการเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการชี้แจงเอกสารและข้อมูลการขายรถให้กับอดีตเณรคำ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ขายรถยนต์ให้กับอดีตพระเณรคำ 3 คัน มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์เบนซ์ มายบัค รุ่น 62S บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น X6 และรถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาร์เยนร์ แต่ขณะนี้รถทั้ง 3 คันบริษัทได้ได้ยึดคืนกลับมาทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน เนื่องจากอดีตเณรคำไม่ผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ตามกำหนด
นายพัฒนกิจ กล่าวอีกว่า อดีตเณรคำเป็นผู้มาติดต่อซื้อรถที่บริษัทด้วยตนเอง ระหว่างการเดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
โดยเดินทางมามาเป็นขบวนใหญ่ ในการทำสัญญาซื้อรถเบนซ์ มายบัค ได้วางเช็คเป็นเงินดาวน์ 2 ล้านบาท และตกลงว่าจะผ่อนส่งเดือนละ 1 ล้านบาท แต่ผ่อนไปเพียง 8 งวดก็ขาดส่ง บริษัทจึงติดตามไปขอรถยนต์คืน ส่วนรถหรูอีก 2 คัน ก็วางเงินดาวน์คันละ 2 ล้านบาท และตกลงจะผ่อนชำระเดือนละ 1 ล้านบาทเช่นกัน แต่เมื่อขาดส่งบริษัทจึงยึดคืน โดยอดีตพระเณรคำก็ยอมคืนรถแต่โดยดี
เมื่อถามว่าพระไม่มีรายได้เหตุใดจึงยอมทำสัญญาซื้อขายรถราคาแพงให้ถึง 3 คัน นายพัฒนกิจ กล่าวว่า
ก็ไม่เห็นด้วย แต่เป็นการทำสัญญาผ่อนชำระกับบริษัทโดยตรง ยืนยันว่าบริษัทไม่ใช่ญาติโยม ไม่ใช่ลูกศิษย์ และไม่ได้ถวายรถยนต์ให้อดีตพระ แต่ในการติดต่อซื้อขายมีลูกศิษย์ในขบวนที่เป็นครูอาจารย์เป็นผู้ติดต่อ และทราบว่าขณะซื้อขายรถอดีตมีชื่อเสียง จึงคิดว่าพระซื้อรถยนต์ไปเพื่อใช้กิจของสงฆ์ แต่เมื่อไม่ได้ใช้รถยนต์จึงยอมให้ยึดคืน เช่น ปอร์เช่ คาร์เยนร์ซึ่งผ่อนส่งเพียงแค่ 2 งวดเท่านั้น ทั้งนี้เมื่อยึดรถทั้ง 3 คันกลับคืนบริษัทก็ไม่ได้ขายรถยนต์คันอื่นๆ ให้กับอดีตเณรคำอีก