จากกรณีเจ้าหน้าที่สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ลงพื้นที่ จ.อุลบราชธานี เพื่อตรวจสอบรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของเณรคำ
โดยขอข้อมูลจากศูนย์เบนซ์อุบลราชธานี พบข้อมูลเณรคำใช้เงินสดและเช็คธนาคาร ซื้อรถเบนซ์ 22 คัน รวมเป็นเงินกว่า 95 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มี 21 คัน เป็นชื่อของเณรคำ ส่วนอีก 1 คัน เป็นชื่อของนายพรรณ์แสง ชูมัง ลูกศิษย์ โดยเป็นรถเบนซ์รุ่น เอส 300 ราคา 7.59 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอจะสอบสวนขยายผลว่ามีการนำไปฟอกเงินหรือนำไปมอบให้ใครหรือไม่ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.56 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม
สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฎิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ(DSI) เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมกรณีการสั่งรถหรูของหลวงปู่เณรคำ ว่า กรณีการสั่งซื้อรถเบนซ์จำนวน 22 คันตั้งแต่ปี 2551 – 2554 ของหลวงปู่เณรคำนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลจนทราบว่า วิธีการสั่งซื้อรถเบนซ์ของหลวงปู่เณรคำนั้น คือการสั่งซื้อรถรุ่นใหม่ป้ายแดงออกมาใช้ แต่ยังไม่มีการจดทะเบียน และเมื่อใช้ไปสักพักก็นำกลับไปขายคืนให้กลับศูนย์เบนซ์ แล้วนำเอารถเบนซ์รุ่นใหม่ออกมาใช้อีก ซึ่งทำวนเวียนอยู่อย่างนี้ จำนวนทั้งสิ้น 22 คัน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็เร่งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่
และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้รับการติดต่อจากเจ้าของร้านรับแต่งรถแห่งหนึ่ง
ซึ่งขอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ถึงกรณีที่ทางหลวงปู่เณรคำ ได้มาสั่งซื้อรถจากท้องตลาดแล้วให้นำมาตกแต่งภายในเพิ่มเติมให้หรูหรา โดยทางเจ้าของร้านดังกล่าวได้ให้ข้อมูลพร้อมเอกสารการสั่งรถ จากทางหลวงปู่เณรคำ ที่มีการสั่งซื้อรถยี่ห้อต่างๆจำนวน 35 คัน ที่มีอยู่ในท้องตลาดกับทางร้านดังกล่าว
โดยทางหลวงปู่เณรคำจะทำการเลือกว่าจะเอารถรุ่นไหน แล้วให้ทางร้านดังกล่าวนั้นเป็นคนไปจัดซื้อแล้วนำมาตกแต่งภายเพิ่มเติมให้
จากนั้นทางหลวงปู่เณรคำก็จะนำเงินมาจ่ายแล้วรับรถกลับไป รวมการสั่งซื้อรถของทางหลวงปู่เณรคำ จากร้านดังกล่าวจำนวนทั้งสิ้น 35 คัน หรือคิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจสอบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป