นางปวีณา กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือได้นัดประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อสอบถามวางแผนช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหาย จากการสอบถามทราบว่าเหยื่อทั้งสองคนรู้จักกับ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นคนไทย ได้แนะนำให้ไปทำงานที่ฮ่องกง พร้อมกับจัดหาตั๋วเครื่องบินให้ และกำหนดวันเดินทางในวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก เที่ยวบินที่ CX 708 โดยขณะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ น.ส.บี ได้โทรศัพท์มาพูดคุยตลอดเพื่อบอกวิธีการยื่นเอกสารตามจุดต่างๆ และเมื่อเดินทางไปถึงฮ่องกง ได้มีชายชาวฮ่องกง มารอรับเพื่อไปฝั่งเกาะเกาลูน ก่อนพาทั้งสองคนไปพักที่ห้องแห่งหนึ่งที่มีประตูล๊อคแน่นหนาไม่ให้หนีไปไหนได้ พร้อมทั้งมีคนเฝ้าตลอดเวลา ต่อมาผู้เสียหายทั้งสองคนถูกบังคับให้ทำงานบริการทางเพศทุกวัน กระทั่งทนไม่ไหวต้องพากันหนีออกมานอนพักที่สนามบิน จากนั้นได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือดังกล่าว
นางปวีณา กล่าวต่อว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ รวมถึงประเทศไทย การแก้ปัยหาจะต้องประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และทุกภาคส่วนในประเทศไม่ใช่เฉพาะพม. โดยวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ตนจะเดินทางไปพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือการทำงานร่วมกันระหว่างพม.กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปัญหาการค้ามนุษย์ต้องถูกขจัดให้สิ้นซาก ทั้งนี้พม.ได้มอบเงินกองทุนป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้เสียหายก่อน
ด้าน น.ส.แอน (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า นายหน้าที่ไทยจะหลอกว่าไปทำงานอยู่ร้านนวดในฮ่องกงรายได้ดีเดือนละ 8 – 9 หมื่นบาท แต่เมื่อไปถึงฮ่องกงตนกับเพื่อนกลับถูกบังคับให้ทำงานบริการทางเพศตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 02.00 น. ทุกวันโดยไม่ได้รับเงิน และได้ข้าวกินแค่วันละ 2 มื้อ คือ มื้อกลางวันกับมื้อเย็น ตนและเพื่อนทำงานไม่ไหวจึงขอให้ชายชาวฮ่องกงที่มารับที่สนามบินช่วยส่งกลับบ้านแต่ได้รับการปฏิเสธ และบังคับให้ทำงานต่อ พร้อมกับข่มขู่ว่าถ้าหนีจะฆ่าทิ้ง และถ้าแจ้งขอความช่วยเหลือก็จะฆ่าพ่อ แม่ ที่อยู่ประเทศไทยด้วย โดยบอกว่าต้องรับแขกให้ครบ 200 คน ก่อนจึงจะเป็นการปลดหนี้ค่าตั๋วเครื่องบิน จากนั้นจึงจะได้ค่าจ้าง 240 บาท ต่อแขก 1 คน ตนกับเพื่อนรับแขกวันละ 15 – 20 คน ไปอยู่แค่ 3 วัน ต้องรับแขกประมาณ 40 คน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้มาใช้บริการจะเป็นผู้ใช้แรงงานชาวเนปาล และปากีสถาน ซึ่งตนกับเพื่อนทำงานไม่ไหววันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 05.00 น. ช่วงที่คนเฝ้าหลับจึงพากันหนีออกมาเรียกแท็กซี่มานอนกันที่สนามบินฮ่องกง 4 วัน ไม่กล้าออกไปไหนก่อนที่จะโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ในวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบยังมีหญิงชาวไทยอีก 1 คน ทำงานอยู่ในสถานบริการที่ฮ่องกง ซึ่งทำงานด้วยความสมัครใจและอยู่มา 1 เดือนแล้ว นอกจากนี้จะเป็นหญิงสาวจากชาติอื่น เช่น จีน และรัสเซีย
ขณะที่ พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า การกระทำของขบวนการดังกล่าวเข้าข่ายองค์ประกอบการค้ามนุษย์อยู่แล้ว เราต้องไปดูกฎหมายทั้งของไทยและฮ่องกงว่าเป็นอย่างไร มีการกำหนดความร่วมมือในการจับกุมผู้กระทำผิดอย่างไรบ้าง ซึ่งพื้นฐานเรามีพ.ร.บ.ขอความร่วมมือทางอาญาอยู่แล้วที่จะประสานขอข้อมูลได้ ส่วนการคุ้มครองผู้เสียหาย ได้มีการประสานกระทรวงยุติธรรม ให้ส่งเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานแล้ว พร้อมกับเงินช่วยเหลือไปจนถึงการฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วย