ยิงเจ้าของคอกม้าโอโอดี คาดปมขัดแย้งมาเฟียกรุง

2 มือปืนขี่ จยย.ประกบยิงเจ้าของคอกม้า "โอโอดี" ขอนแก่น ขณะลูกชายขับรถเบนซ์ไปรับที่สนามบินกลับบ้านพักรอดหวุดหวิด

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ต.ท.สุธน สีหามาตย์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณแยกไฟแดง หน้าโชว์รูมรถยนต์มินิ สาขาขอนแก่น ถนนทางหลวงชนบทกัลปพฤกษ์ ขก 1062 หมู่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีผู้บาดเจ็บ จึงเดินทางไปสอบสวนพร้อม พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.ชุมพล หันชะนา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ประสิทธิ์ สุวรรณเอก นวท.(สบ4) กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ขอนแก่น

ที่เกิดเหตุพบนายประจักษ์ นาคสู่สุข อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/43 ถนนเหล่านาดี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
 
เจ้าของธุรกิจคอนโดมิเนียมในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ยืนอยู่ในอาการตื่นตระหนกใกล้รถเมอร์เซเดสเบนซ์ อี 240 สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน สบ 8939 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีรอยถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่กระจกหลัง 1 รู กระจกประตูหลังด้านซ้าย 3 รู และกระจกด้านคนขับอีก 1 รู ที่เบาะคนขับมีรอยฉีกขาด เศษกระจกแตกกระจายเต็มเบาะผู้โดยสาร

จากการสอบปากคำนายประจักษ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเบนซ์คันดังกล่าวไปรับนายอู๊ด แซ่ลี้ อายุ 55 ปี บิดา เจ้าของคอกม้าแข่งโอโอดี

และเป็นเจ้าของธุรกิจในขอนแก่นหลายอย่าง ที่ท่าอากาศยานขอนแก่น โดยบิดาได้นั่งอยู่เบาะหลังด้านซ้ายติดประตูเพื่อกลับบ้านพัก ถึงที่เกิดเหตุได้จอดติดสัญญาณไฟแดง เมื่อสัญญาณไฟเขียวได้ขับรถเลี้ยวเข้ามาตรงถนนกัลปพฤกษ์ เมื่อมองกระจกหลังเห็นชายสองคนขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีฟ้า จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ โดยผู้ขับและคนซ้อนสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดหน้าทั้งคู่ และใส่ชุดดำสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำด้วย จากนั้นคนซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนไม่ทราบประเภทออกมาพาดไว้ที่ไหล่ขวาคนขับรถจักรยานยนต์แล้วยิงปืน 1 นัด เข้าที่กระจกหลัง จากนั้นขี่มาประกบด้านซ้ายตรงที่บิดานั่งอยู่ ยิงเข้าที่กระจกด้านซ้ายอีก 3 นัด กระสุนปืนทะลุไปที่กระจกด้านขวาตรงที่นั่งขับอยู่ ทำให้กระจกรถยนต์ที่ถูกยิงแตกหลายแห่ง บิดาถูกกระจกรถที่ด้านหลังเลือดซึม

"จากนั้นคนร้ายนึกว่าพ่อของผมเสียชีวิตแล้วก็ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ผมตั้งสติได้รีบพาพ่อเข้าไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลขอนแก่น-ราม ซึ่งพ่อได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จึงได้ให้รักษาตัวต่อที่ในโรงพยาบาล ส่วนผมได้ขับรถกลับมาที่เกิดเหตุพร้อมกับเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว" นายประจักษ์กล่าว

นายประจักษ์กล่าวอีกว่า สาเหตุที่บิดาถูกยิงครั้งนี้คาดว่าอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องธุรกิจม้าแข่งในสนาม กทม.

ที่อาจมีผลเสียด้านการเงินจำนวนมากที่จะให้บิดาของตนล้มม้าแข่ง แต่ม้าในคอกโอโอดีไม่ยอมล้ม และไม่ยอมยุ่งด้วยกับผู้มีอิทธิพลในสนามแข่งม้าของ กทม. ทำให้มีผู้เสียมาก ซึ่งไม่ทราบว่าผู้อยู่เบื้องหลังในการสั่งมือปืนมายิงเป็นใคร และเป็นพวกไหน เป็นคนมีสีหรือไม่ ไม่ทราบ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ แม้ว่าตนและพ่อไม่ตาย แต่คนร้ายอาจหวนกลับมาก่อเหตุไล่ยิงอีกก็ได้

(ที่มา:มติชนรายวัน 2 ก.ค.2556)