เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดที่ปากซอยรามคำแหง 43/1 เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า รับทราบจากฝ่ายความมั่นคงแล้ว ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง แต่ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่สืบค้นสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ทั้งนี้ตนสั่งให้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยตามจุดต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว เราต้องอยู่ในความไม่ประมาท แต่หากตื่นตัวมากไปจะทำให้นักท่องเที่ยวตระหนก ซึ่งตนคิดว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะจุดเท่านั้น ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาคนร้ายโดยเร็ว
คือความขัดแย้งร้านค้า และเรื่องกลุ่มมาเฟีย ขอเวลาประมาณ 2 วัน หากไม่ใช่ 2 ประเด็นนี้ก็น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ ต้องรอความชัดเจนจากพยานหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง ทั้งนี้หลังเกิดเหตุสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอด 24 ช.ม. ไม่ได้มุ่งเน้นเพียง 10 จุดเท่านั้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบภูมิหลังของคู่กรณีทั้งคู่ว่าเคยขัดแย้งกับใครมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากแรงระเบิดส่งผลเสียหายต่อร้านโดยตรง
อย่างไรก็ตามในเรื่องความขัดแย้งเรื่องการครอบครองพื้นที่ขายของนั้น เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูล หลังจากพบว่ามีอดีต เสธ. ทหารคนหนึ่ง เคยเข้าไปในพื้นที่ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ขายของ แต่ประเด็นนี้ยังไม่มีความแน่ชัดมากนัก
เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดปากซอยรามคำแหง 43/1 ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามคำแหงอีก 2 ราย ประกอบด้วย นางสุธามาศ จิ้งจ่าย อายุ 47 ปี 2.น.ส.สุมลธิญา เวชสูงเนิน อายุ 44 ปี จากนั้นพล.ต.อ.พงศพัศเดินทางไปโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อเยี่ยมนายเต้า สัญชาติลาว ที่ได้รับบาดเจ็บด้วย