คุมตัวลูกเขยโหด ทำแผนคดียิงพ่อตาดับ-อ้างไม่ยอมคืนเงินสินสอดตามที่สัญญาไว้

ภาพจากข่าวสดภาพจากข่าวสด


เมื่อ 28 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 127 ม.5 บ้านนาดุน ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของ นายมุนทอง ไชยรักษา อายุ 47 ปี พ.ต.อ อารักษ์ มะสาธานัง ผกก.สภ.นายูง จ.อุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประสิงค์ นอสิทธิ์ สว.สส. ร.ต.ท.เสถียร วงศ์หาจักร ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมด้วยกำลัง จนท.ตร.ประมาณ 30 คน ได้นำตัวนายสุรสิทธิ์ ศรีหานนท์ อายุ 23 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 139 ม.7 ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังใช้อาวุธปืนยิงนายมุนทอง ไชยรักษา อายุ 47 ปี  ซึ่งเป็นพ่อตา เสียชีวิต ที่บ้านดังกล่าว 

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แล้วได้หลบหนีไป ต่อมาในวันนี้ได้มีนายสุดใจ ศรีหานนท์ อายุ 56 ปี บิดานำเข้ามอบตัว ที่ กก.ภ.จว.อุดรธานี โดยมีบรรดาญาติๆ และประชาชนร่วม 200 คนเศษมามุงดูพร้อมด่าสาปแช่ง จนท.ตร.จึงใช้เวลาทำแผนประมาณ 20 นาทีจึงรีบนำตัวเดินทางไปควบคุมที่ สภ.นายูงฯ 

พ.ต.อ.อารักษ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ตายกำลังดูแลไก่ชนที่เลี้ยงไว้บริเวณหน้าบ้าน ต่อมานายสุรสิทธิ์ ลูกเขยผู้ตายได้ปั่นรถจักรยานมาหาและเข้าไปพูดคุยอยู่กับผู้ตายอยู่นาน แล้วต่อมาก็มีเสียงทั้ง 2 คนทะเลาะกัน ทราบว่าเรื่องเงินสินสอด ที่ลูกเขยนำมาแต่งกับลูกสาวผู้ตายและนายสุรสิทธิ์ ได้ขอเงินสินสอดคืน แต่ผู้ตายไม่ยินยอม จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด และเห็นนายสุรสิทธิ์ ก็วิ่งหลบหนีไป ทิ้งรถจักรยานเอาไว้ และทาง ตำรวจก็ได้ออกติดตามตัวนายสุรสิทธิ์ มาตลอด จนนายสุรสิทธิ์ ทนต่อแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ จึงได้ออกมาติดต่อของมอบตัวดังกล่าว

จากการสอบสวน นายสุรสิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนอยู่กินกับบุตรสาวของผู้ตาย มาได้ 3 ปี จนมีลูกสาว 1 คน โดยไม่ได้มีพิธีแต่งงานกันแต่อย่างใด ทำให้ผู้ตายไม่พอใจตนมาก ต่อมาตนติดเกณฑ์ทหาร และได้บอกกับผู้ตายไว้ว่าหลังปลดประจำการแล้วจะจัดพิธีแต่งงานกับลูกสาวของผู้ตาย และต่อมาตนได้ปลดประจำการเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ผู้ตายจึงบอกให้ตนหาเงินมา 5 หมื่นมาใส่ขันหมากเป็นเงินสู่ขอ เมื่อตนบอกไม่มีเงิน ผู้ตายก็บอกให้ตนหาเงินจำนวนดังกล่าวมาก่อน เสร็จงานแล้วจะคืนให้ทั้งหมด

นายสุรสิทธิ์ ให้การต่อไปว่า จากนั้นตนจึงได้ไปยืมเงินจากพ่อแม่และญาติพี่น้องมาเป็นค่าสินสอด แล้วจัดงานแต่งงานขึ้นในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากแต่งเสร็จก็พาภรรยาและลูกไปอยู่ที่บ้านด้วย แต่ผู้ตายไม่ยอมคืนเงินให้ตามที่ได้สัญญากันไว้ ตนจึงได้ตามมาทวงเงินสินสอดคืน หลายครั้งแล้ว จนมาในวันที่เกิดเหตุตนจึงได้นั่งดื่มเหล้าย้อมใจอยู่ห่างบ้านผู้ตายประมาณ 500 เมตร แล้วจึงปั่นรถจักรยานมาหาผู้ตาย และได้ขอดูไก่ชนที่เคยเลี้ยงเอาไว้ แต่ผู้ตายได้ไล่ตนออกจากบ้าน ตนจึงเดินไปขี่รถจักรยาน แต่มองมาเห็นผู้ตายเล็งปืนใส่ จึงวิ่งกลับมาแย่งปืนกับผู้ตาย จนเกิดปืนลั่นถูกเบ้าตาผู้ตาย จากนั้นตนก็หลบหนีกลับไปบ้าน และเข้ามอบตัวในที่สุด 

พ.ต.อ.อารักษ์ กล่าวว่า การที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ได้ยิงผู้ตาย แต่เกิดจากการที่แย่งปืนกัน  จนทำให้เกิดปืนลั่นนั้น สำหรับในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่จากการสอบสวนพยานบุคคลพบว่า นายสุรสิทธิ์ เคยมาทวงเงินค่าสินสอดคืนหลายครั้งแล้ว แต่ผู้ตายไม่ยอมคืนให้ และในครั้งนี้นายสุรสิทธิ์ ได้ไปดื่มเหล้าย้อมใจมาก่อนแล้วพกอาวุธปืนมาด้วย ก่อนที่จะมาทวงเงินจากผู้ตาย เมื่อไม่ได้ก็เกิดการทะเลาะกัน แล้วจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงพ่อตาถึง 2 นัดถูกที่เบ้าตา 1 นัด แบบจ่อยิงเพราะมีเขม่าดินปืนติดอยู่จำนวนมากที่บาดแผล จนล้มลงเสียชีวิต ส่วนที่ลูกเขยอ้างว่าเป็นปืนพ่อตานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะพ่อตามีอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้น ส่วนลูกเขยมีปืนพกสั้น จากการรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า ลูกเขยเตรียมอาวุธปืนมาทวงเงินกับพ่อตา ก่อนจ่อยิงจนเสียชีวิต จึงแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์