จากกรณี พระครูสุวีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหลวงสุนทราราม ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ต.ศักดิ์นคร ภาชนะพูล ร้อยเวร สภ.วิเศษชัยชาญ ว่าคนร้ายได้ลอบเข้าไปตัดเศียรพระในโบสถ์จนเสียหาย ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของชาวบ้านใกล้เคียงวัด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 พ.ค. พ.ต.อ.คณฑัช ชูตระกูล ผกก.สภ.วิเศษชัยชาญ พร้อมฝ่ายสืบสวนได้เข้าตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง
เพื่อหาหลักฐานไล่ล่าตัวคนร้าย ซึ่งจากการตรวจพบว่าพระพุทธรูปที่ถูกตัดเศียรไปมีขนาด 20 นิ้ว ซึ่งทราบภายหลังว่า ครั้งล่าสุดนี้เป็นเศียรที่ 7 แล้วที่โดนมารศาสนาก่อเหตุ ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น โดย พระครูสุวีราภรณ์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้หลังจากเศียรพระถูกคนร้ายงัดโบสถ์เข้ามาตัดไปรวม 6 เศียร ทางวัดได้ให้ช่างมาทำการปั้นเศียรสำรองมาติดแทนไว้เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดและไม่ให้ชาวบ้านรู้สึกหดหู่ด้วย แม้จะไม่งดงามเหมือนของเดิมก็ตาม แต่พอมาเกิดกับเศียรพระดังกล่าวอีก ทำให้รู้สึกเสียใจมากที่คนร้ายต้องการเพียงเงินทองเล็กน้อย กลับไม่เกรงกลัวบาปกรรมเลย ซึ่งหลังจากนี้อาจจะหารือว่าจะให้มีการติดกล้องวงจรปิดดีหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ. คณฑัช กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า เศียรพระดังกล่าวได้หายไปตั้งแต่ช่วงทำการบูรณะโบสถ์หลังนี้แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาก่อเหตุ
คาดว่าเจ้าอาวาสน่าจะเพิ่งเห็น ส่วนเรื่องการติดตามตัวนั้นได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าและโรงรับจำนำต่างๆ ว่ามีใครนำเศียรพระมาขายหรือไม่ รวมทั้งขอความร่วมมือกับประชาชนที่มีข้อมูล ให้ติดต่อแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อความรวดเร็วในการสืบหาผู้ก่อเหตุที่เป็นมารศาสนามาดำเนินคดี เพราะเศียรพระที่โดนตัดไปได้รับการยืนยันจากชาวบ้านว่ามีอายุเก่าแก่มากกว่า 200 ปีแล้ว.