ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารและนวดแผนโบราณบังหน้า ก่อนเหยื่อใช้โทรศัพท์เข้าอินเตอร์เน็ตขอความช่วยเหลือเพื่อนในเมืองไทยทางเฟซบุ๊กและโปรแกรมไลน์ จนเรื่องไปถึงตำรวจปรามปรามค้ามนุษย์ ประสานสถานทูตไทยในเกาหลีใต้ แจ้ง ตร.กรุงโซล บุกทลายได้สำเร็จตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
ทำให้ทราบเรื่องน่าสลดคือ นางเพียงใจ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี หนึ่งในแก๊งค้ากามข้ามชาติดังกล่าว มีศักดิ์เป็นอาสาวแท้ๆ ของผู้เสียหายเอง โดยนางเพียงใจแต่งงานอยู่กินกับชาวเกาหลีใต้ จากนั้นไปเปิดร้านนวดแผนโบราณที่กรุงโซล ก่อนกลับมาลวงหลานสาวของตนเองให้ไปขายบริการ
แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เบื้องต้นสั่งการให้ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พงส.กก.1 บก.ปคม.นำหลักฐานไปขออนุมัติออกหมายจับนางเพียงใจแล้ว ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ซึ่งศาลอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณา
เมื่อศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว ต่อไปจะส่งหมายจับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองการต่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล และสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนั้นจะขยายผลการดำเนินคดีไปยังผู้ร่วมขบวนการด้วย เนื่องจากทราบด้วยว่าในวันที่ผู้เสียหายเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้นั้นมีผู้ร่วมขบวนการเป็นผู้ชายเกาหลีใต้ และผู้หญิงชาวไทย เป็นผู้พาผู้เสียหายขึ้นเครื่องบินเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งกำลังประสานกับตำรวจ สตม. เพื่อตรวจสอบรายชื่อของคนร้ายทั้งสองราย
นางเพียงใจ เคยเกี่ยวข้องกับการลวงหญิงไทยไปค้าประเวณีที่เกาหลีใต้มาแล้วหลายราย โดยขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ กลุ่มนี้มีมาเฟียชาวเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลัง คอยว่าจ้างให้คนไทยคอยหาเหยื่อส่งไปให้ ช่วงแรกนางเพียงใจจัดหาหญิงไทยส่งไปเกาหลีใต้ได้หลายราย แต่มาช่วงหลังมีผู้เสียหายสามารถหลบหนีกลับมาเมืองไทยหลายราย และออกมาเปิดเผยพฤติกรรมของนางเพียงใจ ทำให้ระยะหลังหาผู้ที่หลงเชื่อยากขึ้น จนทำให้ต้องมาหลอกลวงหลานสาวแท้ๆ ไปค้าประเวณีดังกล่าว (ที่มา:ข่าวสดออนไลน์)