ซิ่งเก๋งทับระเบิดกลางถนนสายเอเชีย ขณะมุ่งหน้าจากสมุยจะไปอุดร โชคดีไม่มีเจ็บตาย
วันนี้ ( 18 พค.) ร.ต.ท.สมมาตร ตั้งรมยวิไล ร้อยเวร สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุระเบิด บนถนนเอเชีย 41 บริเวณ หลัก กม.75-76 พื้นที่หมู่ที่ 11 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก. พ.ต.ท.สิชา พูลวงศ์ รองผกก.สส. ตำรวจสายตรวจ สายสืบ จำนวนหนึ่งไปที่เกิดเหตุ บริเวณในปั้มน้ำมัน ปตท.จิงโจ้ พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีดำ ทะเบียน กท.6999 สุราษฏร์ โดยมี นส.ลักขรา อุดมสุวรรณ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 14/30 หมุ่ที่ 1 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี เป็นคนขับจากการตรวจสอบรถเก๋งคันดังกล่าว พบว่าที่กระจกมองข้างรถด้านขวาเป็นรูโบว๋ กว้างประมาณ 1 นิ้ว ในตัวกระจกมีเศษชิ้นส่วน หลุดเข้าไปด้านใน 1 ชิ้น ที่ประตูรถมีรอยกระแทกสีถลอกยาวร่วม 2 นิ้ว ที่ ยางรถด้านหน้าขวามีรอยหลุดร่อน กว้าง ประมาณ 3 นิ้ว ทำให้ลมรั่วออกมา ไม่สามารถใช้การได้ ต้องเปลี่ยนเป็นยางอะไหล่
จากการสอบสวนนส.ลักขณา ให้การว่าในระหว่างที่ตนขับรถเก๋งคันดังกล่าว มีน้องสาวและน้องชายนั่งมาด้วย
ส่วนนายสราวุธ พาโฮ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 25/4 หมู่ที่ 7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ขับกะบะยี่ห้อมาสด้า ตอนครึ่ง สีดำ ทะเบียน ขค 7064 สงขลา มากับแฟนสาว ขับนำหน้าออกจา เกาะสมุย จะมุ่งหน้า จ.อุดร เมื่อมาถึง บริเวณหลัก กม.ที่ 75-77 ถนนเอเซีย41 ในช่องขาขึ้น กทม. สังเกตเห็นวัตถุก้อนกลมๆ สีดำ ขนาดเท่ากำปั้นหล่นอยู่ ในช่องทางด้านขวาที่กำลังขับรถ เมื่อรถวิ่งผ่านวัตถุก้อนดังกล่าว ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมด้วยควัน เป็นเหตุให้รถสั่นสะเทือนไปทั้งคัน จึงได้พยายามประคองรถเข้าข้างทาง เมื่อเห็นว่ายังพอวิ่งไปได้ จึงวิ่งมาจอดที่ปั้มน้ำมัน ปตท.จิงโจ้ ห่างไปประมาณ 3 กม. แล้วแจ้งตำรวจ นอกจากนั้นยังสังเกตเห็นว่าในขณะที่เกิดระเบิดมีรถกะบะ สีขาว จอดปิดไฟหน้า อยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามด้วย มีลักษณะเหมือนจอดรอดูอะไรบางอย่างด้วย
พ.ต.อ.ภคพล กล่าวว่า ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นลูกระเบิดปิงปองที่ อาจมีผู้ทำหล่นไว้กลางถนน
หรืออาจจะเป็นขวดใส่น้ำยาป้ายก้านทุเรียนที่รถบรรทุกทุเรียนทำหล่น เมื่อรถทับก็เกิดระเบิดเป็นควันขึ้นมา เนื่องจากน้ำยาดังกล่าว มีฤทธิ์เป็นกร แล้วเศษขวดกระเด็นไปโดน ส่วนต่างๆของรถ จนเกิดความเสียหาย ไม่น่าเป็นฝีมือแก็งค์ขว้างกระจกที่เคยโด่งดังในย่านดังกล่าว มีปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดีวันพรุ่งนี้ ในตอนกลางวันจะตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจน ส่วนผู้เสียหายทั้งหมด เมื่อแจ้งความแล้วได้เดินทางต่อไป ท่ามกลางความระทึกขวัญ