ร้องกองปราบถูกยัดข้อหาขายซีดีลามก

วันนี้( 17 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พา นายพลากร เกษมเนตร อายุ 38 ปี และน.ส.วรรณภา ศรีทอง อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของแผงค้าที่ 123 ตลาดวงศกร โซนอีแขวงคลองถนน เขตสายไหม เข้าร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.ชนะ ขำทอง พนักงานสอบสวน กก.1บก.ป. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีถูกชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างเป็นตำรวจเข้าจับกุมที่แผงค้าดังกล่าว โดยถูกระบุว่ามีการลักลอบจำหน่ายซีดีลามกอนาจาร แต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว นอกจากนี้ยังใช้ความรุนแรงพยายามล็อกแขนจับใส่กุญแจมือ ซึ่งมีผู้ถ่ายคลิปวีดีโอนำออกไปเผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูป และทางโซเชียลมีเดียจนเป็นที่วิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

นายพลากร กล่าวว่า เปิดแผงค้าแผ่นซีดีที่ตลาดแห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว

โดยมีใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์อย่างถูกต้อง ที่ผ่านมาก็เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมผู้แทนเจ้าของลิขสิทธิ มาขอตรวจสอบแผ่นซีดีที่แผงค้าของตน แต่ก็มีการแสดงตัวและพูดคุยกันด้วยดี ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยจำหน่ายแผ่นซีดีลามกอนาจารแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างเป็นตำรวจ แต่แต่งกายนอกเครื่องแบบ และไม่แสดงบัตร เข้ามาพยายามจับกุม โดยบอกว่าลักลอบจำหน่ายแผ่นซีดีลามก      
         

นายพลากร กล่าวต่อว่า แม้จะพยายามชี้แจงว่าไม่มีแผ่นซีดีลามกแต่กลับถูกบีบคอ กดศีรษะ และล็อกแขนเพื่อจะใส่กุญแจมือ

ทำให้ภรรยาตนเองเข้ามาต่อว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว  แต่กลับถูกผลัก รวมทั้งน้องสาวและลูกที่เข้ามาจะช่วยก็ถูกเหวี่ยงตัวออกไป โดยหนึ่งในชายฉกรรจ์ บอกห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่ง  ซึ่งระหว่างนั้นผู้ค้าในตลาดรวมถึงลูกค้าที่เดินผ่านไปมา พบเห็นจึงถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ ก่อนที่จะดิ้นรนต่อสู้ จากนั้นชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้หยิบเอาตระกร้าใส่แผ่นซีดีมือสองที่อยู่ประมาณ 40 แผ่น แล้วกลับออกไป   
            

ผู้เสียหายรายนี้ กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา คิดว่าเรื่องคงจบไปแล้ว

แต่ในช่วงสัปดาห์นั้นกลับมีคนมาถามหาตนเองกับภรรยาตลอดเวลา ทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนขายของไม่ได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ได้รับหมายเรียกตัวให้เข้ารับทราบข้อหาให้เช่าแลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดีทัศน์มีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุหรือสิ่งลามกอนาจาร และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายซึ่งออกโดยพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ให้เข้าพบในวันเดียวกันนี้      
         

ขณะที่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่าในส่วนของการร้องทุกข์ครั้งนี้ ก็จะขอให้พนักงานสอบสวนบก.ป. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า

ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้เป็นตำรวจหรือไม่ หากเป็นตำรวจก็จะขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือหากเป็นประชาชนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ก็จะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาปล้นทรัพย์ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายทั้งสอง ถูกออกหมายเรียกนั้น ได้ขอเลื่อนเข้าพบ พ.ต.ต.รัชภูมิ กุสามาลย์ พนักงานสอบสวน สน.สายไหม ออกไปเป็นวันที่ 21  พ.ค. นี้ โดยมีการประสานไปแล้วก่อนหน้านี้