กลุ่มผู้ปกครองของนร.ที่มีสิทธิ์สอบ รร.นายสิบ เข้าร้องเรียนกองปราบ หลังถูก นายทหาร หลอกตุ๋นว่าใช้เส้นฝากเข้าโรงเรียนนายสิบได้ ต้องสูญเงินเฉียดสองล้านบาท
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
นายอนุรักษ์ เพชรอินทร์ อายุ 57 ปี นายกอบต.ใจดี อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ และอดีต ผอ.โรงเรียนบ้านตาดม อ.ขุขันธ์ พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย7 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ส.อ.อนุรักษ์ (ขอสงวนนามสกุล ) ในความผิดฐานฉ้อโกง โดยนำเอกสารกู้ยืมเงิน หนังสือส่งตัวของโรงเรียนเตรียมทหารมอบไว้เป็นหลักฐาน
ภายหลัง นายอนุรักษ์ กล่าวว่า รู้จักกับส.อ.อนุรักษ์ ผ่านการแนะนำของลูกเขย ซึ่งเคยเป็นพลทหาร ในสังกัดเดียวกับ ส.อ.อนุรักษ์
เมื่อปลดประจำการแล้ว ได้เล่าให้ฟังว่า ส.อ.อนุรักษ์สามารถฝากคนเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนจ่าอากาศ หรือโรงเรียนนายสิบ ได้และมีการแอบอ้างว่ารู้จักกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จึงมีการติดต่อพูดคุยกัน เนื่องจากตนอยากให้บุตรชายซึ่งจบชั้นมัธยมปลาย แล้วได้เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร เมื่อสอบถาม ส.อ.อนุรักษ์ก็ระบุว่าการดำเนินการดังกล่าว ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 700,000 บาท โดยมีการทำสัญญากู้เงิน และมีการจ่ายเงินล่วงหน้าแล้ว 400,000 บาท หากไม่สามารถฝากบุตรชายตนเข้าเป็นทหารได้จริง ทาง ส.อ.อนุรักษ์ก็ยินดีจะคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้
นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่าสิ่งที่ทำให้ตนมั่นใจว่าบุตรชายจะได้เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
คือ มีการส่งหนังสือให้บุตรชายไปรายงานตัวจึงนำหนังสือดังกล่าวไปดำเนินการสอบประวัติ ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อรับรองว่าบุตรชายไม่เคยต้องคดีและสามารถเข้ารับราชการได้ จากนั้นประมาณต้นเดือนเมษายน 2555เมื่อถึงกำหนดที่บุตรชายต้องเข้ารายงานตัว ซึ่งผู้ปกครองจะต้องเดินทางไปด้วยจึงพากันไปยังโรงเรียนเตรียมทหาร แต่กลับปรากฎว่าไม่มีรายชื่อของบุตรชายตนในระบบและมาทราบอีกด้วยว่าหนังสือเรียกเข้ารายงานตัวดังกล่าวก็ถูกปลอมแปลงขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเท่านั้น
“พอไม่มีรายชื่อของลูกผมก็โทรศัพท์ติดต่อไปที่ ส.อ.อนุรักษ์ ก็ได้รับคำตอบว่า ให้กลับไปก่อนเนื่องจากยังเคลียร์กับนายไม่ได้ เพราะยังไม่ออกจากพื้นที่ซึ่งปฏิบัติงานอยู่พอกลับมาแล้ว ก็ไม่อยากให้ลูกได้เข้าเป็นทหารอีกแล้ว จึงจะขอเงินคืน แต่ทางส.อ.อนุรักษ์ ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา กระทั่งไม่สามารถติดต่อได้อีก ต่อมาจึงเดินทางไปเข้าพบผู้บังคับบัญชาของส.อ.อนุรักษ์ เพื่อสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่กลับได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ให้ไปดำเนินการฟ้องร้องกันเอง” นายอนุรักษ์กล่าว
นายอนุรักษ์ กล่าวอีกว่าต่อมาตนยังพบว่า ส.อ.อนุรักษ์ ได้หลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายรายในหลายพื้นที่
เช่น จ.นครราชสีมา จ.อุบลราชธานี จ.ลพบุรี รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ตนเองจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งโดยอ้างว่าเป็นคดีฉ้อโกง นอกจากนี้คดียังขาดอายุความไปแล้ว ตนเองกับผู้เสียหายรายอื่นจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในครั้งนี้ เพราะไม่ต้องการให้ ส.อ.อนุรักษ์กับพวก ไปหลอกลวงคนอื่นอีก
ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน กก.3บก.ป.ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ในเบื้องต้นก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป