หนุ่มยาบ้าผ่าแปลงโฉม-แต่ก็หนีไม่รอด
ตร.ปากน้ำบุกรวบ "ต้อม โอริด" เอเยนต์ ยาบ้ารายใหญ่ลงทุนไปทำศัลยกรรมแปลงโฉมใบหน้า หวังหนีกบดานคดีที่ติดตัว
แต่สุดท้ายไปไม่รอด ตรวจค้นยึดเก๋งสปอร์ตหรูมูลค่า 10 ล้าน พระเครื่องอีก 10 ล้านเช่นกัน แถมมีเงิน-ทองคำอีกเพียบ ก่อนให้ติดต่อล่อซื้อยาบ้า 5 หมื่นเม็ดนัดส่งกลางกรุง เลยตามจับได้อีก 2 คุมตัวตรวจค้นห้องพัก 2 แห่ง สารภาพถูกนักโทษในคุกมีนบุรีว่าจ้างส่งยาบ้าอีกทอด ก่อนอายัดเงินในบัญชีกว่า 50 ล้าน
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รองผบก. พ.ต.อ.ศิรธัชเขต ครูวัฒน์เศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ศิริมงคล สุขะปารมี สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักหรูย่านพุทธมณฑล หลังสืบทราบมีเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่มาหลบซ่อนตัวอยู่
จากการตรวจค้นพบนายวัชร หรือต้อม โอริด ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดหลายคดีในพื้นที่จ.สมุทรปราการ พร้อมตรวจยึดเงินในบัญชี 6 ล้านบาท เงินสด 1 ล้านบาท ทองคำหนัก 250 บาท มูลค่า 5 ล้านบาท รถยนต์ 4 คัน และรถเก๋งหรูมูลค่า 10 ล้านบาทอีก 1 คัน นอกจากนี้ยังพบพระเครื่อง 100 องค์ มูลค่านับ 10 ล้าน ส่วนบ้านหลังดังกล่าวทราบว่านายวัชรเช่าอยู่เดือนละ 5 หมื่นบาท
พล.ต.ต.ธัชชัยกล่าวว่า สำหรับนายวัชรเป็นผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ที่ติดตามตัวมานาน โดยพบว่านายวัชรได้ไปทำศัลยกรรมแปลงโฉมเปลี่ยนใบหน้ามาด้วย เพื่อไม่ให้ เจ้าหน้าที่จดจำใบหน้าได้และหลบหนีการจับกุม โดยได้ผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้ามาหลายครั้ง แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่มาสืบทราบและพบเบาะแสเลยติดตามจับกุมไว้ได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ให้นายวัชรติดต่อซื้อยาบ้าจากเอเยนต์ที่รับมา โดยนัดส่งมอบกันที่ปั๊ม น้ำมันเอสโซ่ ถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ กทม. และเมื่อถึงเวลานัดหมาย พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน สร-6581 กทม. ขับเข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและเข้าจับกุม พบยาบ้า 25 มัด รวม 5 หมื่นเม็ด ห่อด้วยกระดาษสาเคลือบเทียนไข ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่เบาะที่นั่งภายในรถ จึงควบคุมนายจิรวัฒน์ หรือเค วิทยาชัยยุทธ อายุ 39 ปี และนายปิยณัฐ หรือณัฐ พอกพูล อายุ 22 ปี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปตรวจสอบห้องพักเลขที่ 516 ชั้น 5 ภายในซ.โพธิ์แก้ว แขวงและเขตคันนายาว กทม. ซึ่งเป็นห้องพักที่ทั้ง 2 คนมารับยาบ้า จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวไปตรวจค้นต่อที่บ้านเลขที่ 7 ซ.รามอินทรา 58 แยก 3 แขวงและเขตคันนายาว กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักของนาย จิรวัฒน์และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายเช่นกัน แต่ตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูน เนอร์ ทะเบียน ญฉ-7593 กทม. อีก 1 คัน พร้อมสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ มียอดเงินรวมกว่า 50 ล้านบาท
สอบสวนนายจิรวัฒน์ให้การว่า ยาบ้าทั้งหมดเป็นของนายอ๊อด ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ซึ่งเป็นนักโทษในเรือนจำมีนบุรี และมีลูกน้องของนายอ๊อดเช่าห้องพักย่านคันนายาวไว้สำหรับส่งมอบยาบ้า โดยเมื่อมีลูกค้าสั่งยาบ้า ลูกน้องของนายอ๊อดจะจัดและนำยาบ้าใส่กระเป๋ามาวางไว้ภายในห้องพัก ก่อนโทรศัพท์ให้มารับยาบ้าไปส่งตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นลูกค้าจะโอนเงินเข้าบัญชีลูกน้องของนายอ๊อด โดยได้ค่าจ้างส่งยาบ้ามัดละ 1,000 บาท แต่ละครั้งจะส่งยาบ้าประมาณ 25-100 มัด ซึ่งมีหน้าที่เพียงรับส่งยาบ้าเท่านั้น และมีนายปิยณัฐทำหน้าที่ขับรถให้ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้
อีกเหตุ เวลา 18.00 น. พ.ต.อ.สุรภัค รอดโพธิ์ทอง ผกก.กอ.รมน. ช่วยราชการ ผกก.3 บช.ปส. พร้อมด้วยพ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.ต.ภูวนาถ แก่นจันทร์ สว.สส. พร้อมกำลังสกัดจับแก๊งค้ายาบ้ารายใหญ่ หลังรับแจ้งมีคนร้ายขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีขาว ทะเบียน กฉ 700 สุพรรณบุรี นำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้า โดยใช้ถนนบางนา-ตราด
กระทั่งพบรถต้องสงสัยบริเวณถนนบางนา-ตราด ช่วงก.ม.ที่ 16 ช่วงขาออก เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังติดตามรถคันดังกล่าวมาและปิดล้อมทางหนีทั้งหมด แต่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเปิดทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้ปืนยิงยางรถจนไม่สามารถหนีต่อได้ เมื่อสถานการณ์จวนตัวคนร้ายเลยตัดสินใจใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผารถ เพื่อหวังทำลายหลักฐานและพยายามวิ่งหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้ 2 คน ทราบชื่อนายชาติชาย บุญตา อายุ 32 ปี คนขับรถ และนายอนันต์ ป่าสลุง อายุ 36 ปี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อีกชุดได้รีบวิ่งเข้าไปที่รถแล้วเปิดประตู พบกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบวางอยู่เบาะด้านหลัง โดยกระเป๋าใบหนึ่งถูกไฟไหม้เสียหาย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำกระเป๋าที่เหลืออีกใบออกจากรถมาได้ ตรวจสอบภายในพบยาบ้า 2.4 แสนเม็ด ขณะที่รถเก๋งของคนร้ายถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน จึงประสานรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟ
ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในรถอีกครั้ง พบอาวุธปืนเอชเค 1 กระบอก และปืนพกสั้นอีก 2 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปสอบสวนขยายผล โดยรับสารภาพว่าขับรถเก๋งคันดังกล่าวมารับยาบ้าจากกรุงเทพฯ และเตรียมนำไปส่งให้เอเยนต์ยาบ้าในภาคตะวันออก แต่มาถูกจับกุมตัวก่อน