ซีพี ออลล์ ทุ่ม 1.88 แสนล้าน ซื้อแม็คโคร ช่องทางนำสินค้าSMEs-เกษตร ลุยตลาด AEC
23 เมษายน 2556 ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย ประกาศความพร้อมเตรียมรับมือการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) หรือเออีซีซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2558 ที่จะถึงนี้ ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท ซื้อกิจการบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (“แม็คโคร”) ผู้นำในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดและบริการตนเองใน ประเทศไทยด้วยมูลค่าประมาณ 188,880 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นช่องทางนำสินค้าจากประเทศไทยโดยเฉพาะสินค้าจากผู้ผลิตขนาดเล็ก และขนาดกลางหรือ SMEs และสินค้าผลิตผลทางการเกษตรของไทย รวมถึงสินค้าประเภทอาหารแช่แข็งและอาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ ฯลฯ ไปจำหน่ายในประเทศกลุ่มอาเซียน เพื่อหวังนำเงินตราเข้าสู่ประเทศ และช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง และเกษตรกรไทยมีช่องทางจำหน่ายสินค้าที่มีศักยภาพสูง สามารถแข่งขันได้ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอีก 20 เดือนข้างหน้า ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของคนไทย เล็งเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ผลิตสินค้าชาวไทยที่จะนำผลิตภัณฑ์ออกไป จำหน่ายในตลาดอาเซียนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรถึง 600 ล้านคน เนื่องจากสินค้าของไทยเป็นที่ยอมรับว่ามีคุณภาพสูง ปัจจุบันยังขาดอยู่แต่เพียงช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ซีพี ออลล์ จึงอาสาที่จะมาทำหน้าที่นี้เพราะมีความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทเองที่มี ประสบการณ์ในการทำธุรกิจค้าปลีกมา 25ปี รวมกับศักยภาพของ สยามแม็คโคร ซึ่งก็เป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสดและแช่แข็ง ของใช้ประจำวันที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอดเช่นกัน เห็นได้จากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา “นอกเหนือจากการจะใช้ สยามแม็คโคร เป็นทัพหน้าในการกระจายสินค้าสู่ตลาด AEC แล้ว ซีพี ออลล์จะนำจุดเด่นของ สยามแม็คโคร ด้านการช่วยเหลือร้านโชห่วย โดยทำหน้าที่ "มิตรแท้โชห่วย" ด้วยการเป็นแหล่งป้อนสินค้าให้กับร้านโชห่วยทั่วประเทศ มารวมพลังกับภารกิจประจำของเซเว่น อีเลฟเว่น คือการตระเวนจัดอบรมสัมนาให้ความรู้ด้านการบริหารร้านค้าปลีก ให้กับร้านโชห่วยทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งจะช่วยให้ภารกิจด้านการช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยแบบดั้งเดิม หรือโชห่วย สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น” สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มเติมจากการลงทุนครั้งสำคัญนี้ คือ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่ม ซีพี ออลล์ ในหลายๆ ด้าน ทั้งทางด้านการผนึกกำลังแสวงหาสินค้าและบริการใหม่ๆ และหลากหลาย มาอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค และการได้ประโยชน์จากการประหยัดเชิงขนาด (Economy of Scale) นอกจากนี้ ยังเป็นการขยายโอกาสให้กับนักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาเพื่อสังคมของ ซีพี ออลล์ จะได้มีสถานที่สำหรับฝึกภาคปฏิบัติได้กว้างขวางและครอบคลุมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันพนักงานของทั้งสองบริษัทก็มีโอกาสพัฒนาตนเองด้วยการเข้ามาศึกษาในสถาบันการศึกษาทั้งสองแห่งมากขึ้นด้วย สอดคล้องกับนโยบายหลักของซีพี ออลล์ ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และการพัฒนาบุคลากรของประเทศอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว (Sole Financial Advisor) และเป็นหนึ่งในผู้จัดการวงเงินสินเชื่อร่วม (Joint Mandated Lead Arranger and Underwriter) กับธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงค์กิ้งคอร์ปอเรชั่น (เอชเอสบีซี) ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ธนาคารยูบีเอส เอจี และ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งได้เข้าร่วมในการจัดเตรียมวงเงินสินเชื่อร่วม โดยมี Baker & McKenzie เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย
ทั้งนี้ บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น กับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2556 และหากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทจะเข้าทำการชำระค่าซื้อหุ้นแม็คโครทั้งหมดตามสัญญา รวมทั้งจะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดต่อผู้ถือหุ้นรายอื่น ทุกรายของแม็คโคร ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2556 โดยราคาเสนอซื้อ (Tender offer price) จะเป็นราคาเดียวกันกับราคาที่บริษัทจะได้มาที่ 787 บาทต่อหุ้น