ตะลึงศพเศรษฐีฮังการีถูกฆ่าโบกปูนคฤหาสน์หรู

ตะลึงพบศพเศรษฐีหนุ่มนักธุรกิจอสังหาฯฮังการี ที่สูญหายปี 54 ที่แท้ถูกฆ่าโบกปูนฝังดินใต้คฤหาสน์หรูเกาะสมุย นักสืบเอกชนเจ๋งตามแกะรอยจนรู้ถูกแก๊งมาเฟียชาติเดียวกันลวงสังหารโหด

นายบู๊ดด้า ให้การว่า เป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าวให้นายชาปาย ระหว่างที่ นายชาปาย มาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุย โดยได้รับการประสานจากนักสืบเอกชนว่า ภายในพื้นดินใต้ห้องเก็บของ มีศพของ นายชาปาย ฝังอยู่ จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

พล.ต.ท.ยงยุทธ กล่าวว่า การพบศพนักธุรกิจชาวฮังการีในครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยจากนักสืบเอกชน จากประเทศฮังการี ว่า
 
ได้รับการว่าจ้างจากครอบครัว นายชาปาย ลาสโส ให้ออกตามหา หลังถูกอุ้มหายตัวไปจากสนามบินเกาะสมุย ตั้งแต่ปี 54 ทั้งนี้นักสืบเอกชนได้ร่วมกับตำรวจฮังการีออกสืบสวน จนพบผู้ต้องสงสัยชื่อ นายมาต้า ไม่ทราบนามสกุล เคยร่วมงานกับ นายชาปาย จึงควบคุมตัวมาสอบสวน จนนายมาต้ายอมรับสารภาพ และเขียนแผนที่ให้นักสืบเอกชน เดินทางมายังเกาะสมุย เพื่อขุดซากโครงกระดูกดังกล่าว

จากข้อมูลของนักสืบเอกชนทราบว่า  นายชาปาย มาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุย มีนายเดวิด โมเช่ และนายมาต้าร่วมด้วย

แต่เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนทำให้ นายเดวิด โมเช่  และนายมาต้าวางแผนฆ่า ด้วยการจ้างคนงานมาขุดหลุมบริเวณห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน เพื่อฝังนายชาปาย จากนั้นได้ลวงนายชาปาย เดินทางมาบ้านหลังนี้ เพื่อตกลงธุรกิจกัน ก่อนที่นายเดวิด โมเช่ จะใช้ของแข็งฟาดเข้าศีรษะนายชาปาย อย่างแรงจนเสียชีวิตคาที่

จากนั้น นายเดวิด โมเช่ กับ นายมาต้า ยังช่วยกันลากศพโยนลงหลุม แล้วเทปูนปิดทับทำเป็นพื้นห้องเก็บของ ก่อนจะแยกย้ายหลบหนี ซึ่งนายเดวิด โมเช่ ถูกตำรวจไทยจับกุมตัวได้ที่กรุงเทพฯ  ส่วนนายมาต้าหลบหนีกลับประเทศฮังการี กระทั่งถูกจับกุมตัวได้เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการหายตัวไปของนายชาปาย นั้น ภรรยาชาวไทยของผู้ตายเคยเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ ว่า

สามีมีความขัดแย้งกับ นายเดวิด โมเช่ หัวหน้าแก๊งมาเฟีย ในพื้นที่เกาะสมุย ก่อนจะหายตัวไป ตำรวจเคยเข้าตรวจสอบที่บ้านร็อคสมุยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบหลักฐาน ทำให้เรื่องเงียบหายไป จนญาตินายชาปาย ไปจ้างนักสืบเอกชนให้มาช่วยตามหา นำไปสู่การขุดพบร่างอันไร้วิญญาณของ นายชาปาย ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดีทางตำรวจได้นำซากโครงกระดูกที่พบ ส่งสถาบันนิติเวช  รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจยืนยันบุคคลอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.