กษิตชมทีมทนายไทยต่อสู้คดีพระวิหาร
นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวแสดงความเห็นกรณีการแถลงด้วยวาจาของคณะผู้แทนไทย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก กรณีกัมพูชาขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่า รู้สึกประทับใจ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งทีมกฎหมายของไทย ที่มีการเตรียมข้อมูล ค้นคว้าหาหลักฐาน ได้เป็นอย่างดี มีวิธีการเรียบเรียงเรื่องราวและข้อความที่ตอบโต้ กัมพูชา ในการกล่าวหาประเทศไทยนั้น มีความกระชับ และให้เหตุผลได้ดี โดยส่วนตัวนั้นคิดว่าภาพรวมของทีมกฎหมายไทยมีความน่าประทับใจมาก
นอกจากนี้ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี การลงนาม MOU 43 ในครั้งนั้น เพราะการพิสูนจ์ทราบพื้นที่เขาพระวิหารยังไม่มีความแน่ชัด จึงต้องมีการลงนาม MOU 43 ขึ้น แต่กัมพูชา กลับใช้วิธีการทางทหาร ทำร้ายประเทศไทยก่อน จึงต้องมีการตอบโต้กัน แต่กัมพูชา กลับนำไปกล่าวอ้างในเวทีโลก ว่า ไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชาก่อน
อย่างไรก็ตาม นายกษิต ยังกล่าวเรียกร้องให้นักการเมืองที่เห็นดีเห็นงามกับกัมพูชา ให้กลับใจมาขอโทษคนไทย เพราะสิ่งที่ทีมกฎหมายไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพื่อต้องการปกป้องอธิปไตยของไทยไว้