นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย (ทป.)
สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่เคยเป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ติดตามสถานการณ์เรื่องช้างป่ามาโดยตลอด เห็นว่า กรณีช้างถูกฆ่าตายแบบทารุณและตัดเอาอวัยวะเพศออกไป รวมทั้งสภาพโดยรวมไม่สามารถจำแนกชัดว่าเป็นช้างเพศอะไรนั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และมีเงื่อนงำมากกว่าการฆ่าช้างเพื่อเอางาเท่านั้น
“ผมว่ามันมีกลิ่นแปลกๆ เบื้องต้นพบว่า ช้างตัวนี้ถูกฆ่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 วัน นั่นคือ ตายหลังจากตัวที่เพิ่งตาย ขณะที่ประเทศไทยมีการประชุมไซเตสไม่กี่วัน สภาพที่คนฆ่ามันตัดเอาอวัยวะเพศไป สันนิษฐานว่า เพื่ออำพรางไม่ให้รู้ว่าเป็นช้างเพศใดกันแน่ พอไปดูที่งา ปรากฏว่าไม่มีงาอีก คนฆ่าอาจให้เราคิดว่า เป็นการฆ่าเพื่อเอางาก็ได้ แต่ตรงนี้นิติวิทยาศาสตร์เราพิสูจน์ได้ไม่ยาก ประเด็นคือ ผมสงสัยว่าเป็นการฆ่าช้างโชว์มากกว่า เพื่อให้สังคมเห็นว่าเวลานี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไม่สามารถควบคุมอะไรภายในพื้นที่ได้ เพราะปล่อยให้ช้างตาย 2 ตัวติดกันในเวลาไล่เลี่ย ดังนั้น จะต้องย้ายนายชัยวัฒน์ออกจากพื้นที่ หากไปหลงประเด็นตรงนั้นก็ถือเป็นการเข้าทางของผู้ที่วางแผนการนี้”
นายดำรงค์กล่าวว่า สาเหตุที่ตนค่อนข้างเชื่อเช่นนี้
เพราะวิเคราะห์เอาว่า หากพ่อค้า หรือพวกลักลอบที่ต้องการเอางาช้างไปขายจริงๆ จะต้องเข้าป่าลึกกว่านี้ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีน้อย โอกาสที่จะกระทำการสำเร็จมีอยู่ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยินเสียงปืน เพราะอยู่ลึกมาก แต่นี่มาทำในพื้นที่ไม่ใช่ป่าลึก อาศัยแค่จังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอ แล้วฆ่า และกระทำการดังกล่าว เอาซากช้างมาโชว์ เพื่อบอกว่า ช้างตายเพราะเจ้าหน้าที่บกพร่อง
“หลังจากข่าวเรื่องนี้ออกไปไม่นาน นายชัยวัฒน์ก็โทรศัพท์มาหารือ และเล่าให้ฟังว่า มีโทรศัพท์มาข่มขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย และให้ออกนอกพื้นที่ รวมทั้งในโซเชียลมีเดีย เวลานี้ก็มีคนพยายามโจมตีนายชัยวัฒน์เรื่องที่ไปจับชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ป่าอย่างจริงจัง รวมทั้งผู้มีอิทธิพลที่มีข่าวว่า ว่าจ้างชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ให้เข้าไปปลูกพืชผิดกฎหมายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานด้วย ซึ่งก็ชัดเจนว่า ที่ผมวิเคราะห์น่าจะเกี่ยวโยงกัน ดังนั้น อยากให้ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯที่ติดตามเรื่องนี้อย่าได้ละเลยประเด็นนี้ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”