วันนี้ 9 เม.ย.56 ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีหมายเลขดำ อ.2930/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอนก สิงขุนทด จำเลยที่ 1 ซึ่งตาบอดเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดหน้าพรรคภูมิใจไทย ในความผิดฐานร่วมกันทำวัตถุระเบิด มีวัตถุระเบิดที่ออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธ(วัตถุระเบิด)ไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร และกระทำให้เกิดระเบิดฯ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 38, 74 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221, 222, 218, 371
โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างต้นเดือน มิ.ย. - 22 มิ.ย. 53 ต่อเนื่องกัน จำเลยร่วมกับพวกผลิตหรือทำวัตถุระเบิด
และร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ทำขึ้น โดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยนายนายอเนก จำเลยที่ 1 เป็นผู้เข็นรถเข็นผลไม้ ที่ซุกซ่อนระเบิดไว้ เข็นผ่านไปทางด้านหลังของอาคารที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ตั้งอยู่ใกล้ซอยพหลโยธิน 43 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ก่อนเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผนังด้านหลังอาคารพรรคภูมิใจไทย แตกเสียหาย ขณะเดียวกันแรงระเบิดยังทำให้นายอเนก ตาบอกทั้งสองข้าง นอกจากนี้เพิงโรงเรือนร้านค้าขายอาหารตามสั่งและรถยนต์บริเวณใกล้เคียง ถูกแรงระเบิดเสียหาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2555 ว่า ให้จำคุก 2
กระทงๆ ละ 10 ปี ฐานมีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับ 100 บาท , ฐานพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ และให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานทำระเบิดให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินฯ และสถานที่ประชุม ซึ่งเป็นโทษหนักสุดตามมาตรา 222 และ 218 จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 35 ปี และปรับ 50 บาทจำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาโทษลดลง
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดจริงตามข้อหาที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียว จึงเห็นควรแก้โทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ พิพากษาแก้ให้จำคุกฐานมีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 กระทง 5 ปี และทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินฯและสถานที่ประชุม 1 กระทง 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี ปรับ 100 บาท แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ให้จำคุก 5 ปี ปรับ 50 บาท