กสท. เคาะแล้ว 12 ช่องดิจิตอลสาธารณะ กำหนดอายุใบอนุญาต 4 ปี
กสท. เห็นชอบ 12 ช่องดิจิตอลสาธารณะ กำหนดอายุใบอนุญาต 4 ปี แจกฟรี 3 ช่อง ให้ ช่อง 5-11-ไทยพีบีเอส อนุญาตให้ออกอากาศควบคู่ไปได้ ที่เหลือเปิดให้ผู้ที่สนใจมาขอใบอนุญาต เม.ย.-พ.ค. คาดให้ใบอนุญาต มิ.ย. นี้
วานนี้ (25 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการณ์ "การปฏิรูปสื่อในทีวีดิจิตอลสาธารณะ : รูปแบบที่ควรจะเป็น" โดย มี นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. ร่วมด้วยอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย จากสถาบันต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในที่ประชุมนั้น ทั้งหมดได้ร่วมกันทำข้อเสนอ เพื่อให้ทาง กสท. ทบทวนใน 7 ประเด็น ได้แก่...
1. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการรายเดิม (ช่อง 5, เอ็นบีที และไทยพีบีเอส) ปรับตัวให้สอดคล้องกับคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบกิจการสาธารณะ มิใช่ได้รับสิทธิในการออกอากาศในระบบดิจิตอลโดยอัตโนมัติ มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม
2. กสท. ต้องสร้างเกณฑ์การตรวจสอบหน้าที่และความจำเป็นของผู้ประกอบการรายเดิม และหน่วยงานรัฐและองค์กรต่าง ๆ ที่ขอเข้ามาจัดสรรคลื่นความถี่โดยคำนึงถึงโครงสร้างความเป็นเจ้าของ
3. กสท. ต้องจัดทำคำนิยาม "บริการสาธารณะ" และเนื้อหารายการ รวมทั้งพันธกิจสำคัญในแต่ละช่องรายการให้ชัดเจน และขอให้ทบทวนการจัดกลุ่มตามวัตถุประสงค์ของทั้ง 12 ช่อง
4. กสท. ต้องคำนึงถึงความเป็นเจ้าของสำหรับภาคประชาชนเพื่อใช้คลื่นความถี่ไม่น้อย กว่าร้อยละ 20 ในทุกพื้นที่ของการประกอบกิจการ
5. กสท. ต้องกำหนดให้แต่ละช่องเสนอโครงสร้างการบริหารที่สะท้อนความเป็นอิสระจากภาค การเมืองและภาคธุรกิจ และมีแผนการจัดสรรและที่มาของงบประมาณที่ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้
6. กสท. ต้องมีเกณฑ์การคัดเลือกคุณสมบัติผู้ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ช่องบริการ สาธารณะ (Beauty Contest) ที่ชัดเจน และผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ เนื่องจากเป็นแนวนโยบายที่มีผลกระทบต่อสาธารณะ
7. กสท. ควรชะลอการพิจารณาการจัดสรรคลื่นความถี่บริการสาธารณะ 12 ช่อง จนกว่าจะสำรวจและรับความเห็นจากทุกภาคส่วนและศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ในการใช้ดุลพินิจของ กสท.
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว มีมติ 3 ต่อ 2 เห็นชอบการกำหนดช่องรายการทั้ง 12 ช่องสาธารณะ โดย 3 ช่องแรกเป็นช่องของผู้ประกอบการรายเดิมคือ ช่อง 5, เอ็นบีที และไทยพีบีเอส ส่วนที่เหลืออีก 9 ช่อง จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งหมด โดยจะต้องเป็นหน่วยงานราชการ กระทรวง ทบวง กรม และองค์กร ที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือสถาบันการศึกษาที่มาขอใบอนุญาตเท่านั้น นอกจาก ยังกำหนดให้ใบอนุญาตทีวีสาธารณะครั้งแรกมีอายุ 4 ปี และคาดว่าทาง กสท. จะประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจ ยื่นขอรับใบอนุญาตได้ในช่วงเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม ส่วนในอนุญาตคาดว่าจะออกประมาณเดือนมิถุนายน
ส่วนช่องต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ช่อง 1-3 อนุญาตให้ช่อง 5, เอ็นบีที และไทยพีบีเอส ทำการออกอากาศคู่ขนานไปกับการออกอากาศแบบอนาล็อกเดิม โดยยังไม่ต้องทำเงื่อนไขของช่องทีวีดิจิตอลใหม่ มีระยะเวลาเท่ากับสิทธิในการใช้คลื่นความถี่เดิม
สำหรับช่อง 4-12 นั้น ได้กำหนดรายละเอียดวัตถุประสงค์การให้บริการโทรทัศน์ประเภททีวีสาธารณะ ประกอบด้วย
ช่อง 4 อนุญาตให้ไทยพีบีเอสให้บริการประเภทรายการเด็ก เยาวชนและครอบครัว
ช่อง 5 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 1 สำหรับการออกอากาศในการส่งเสริมความรู้ การศึกษา วิทยาศาสตร์
ช่อง 6 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 1 เป็นรายการด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การเกษตร และการส่งเสริมอาชีพ
ช่อง 7 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 1 เน้นรายการสุขภาพอนามัย กีฬา หรือการส่งเสริมคุณภาพชีวิต
ช่อง 8 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 2 เน้นรายการเพื่อความมั่นคงของรัฐ
ช่อง 9 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 2 เน้นรายการเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ
ช่อง 10 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 3 ออกอากาศรายการข้อมูลข่าวสาร เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และรัฐสภากับประชาชน
ช่อง 11 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 3 ออก อากาศด้านข้อมูลข่าวสาร ส่งเสริม สนับสนุนเผยแพร่ให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ช่อง 12 ให้บริการทีวีสาธารณะประเภทที่ 3 เป็นรายการเสนอข้อมูลข่าวสารแก่คนพิการ คนด้อยโอกาส รวมถึงเด็ก เยาวชน หรือกลุ่มที่สนใจกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ
อย่าง ไรก็ตาม จากมติดังกล่าว ก็ส่งผลให้กลุ่มอาจารย์บางกลุ่มเตรียมล่ารายชื่อเพื่อยื่นให้ กสท. ทบทวนอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่า การออกใบอนุญาตให้กลุ่มช่องสาธารณะ ผิดเจตนารมณ์ของการปฏิรูปสื่อ และถือว่า กสท. ล้มเหลวในการจัดทำหลักเกณฑ์การให้ใบอนุญาต เพราะในหลายประเด็นไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด