คุณตาวัย76 หึงระแวงเมียวัย46มีชู้ คว้า.38ยิงดับ ตามด้วยยิงลูกติดวัย13 ก่อนปลิดชีพตายตาม
เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 19 มีนาคม ร.ต.อ.นครินทร์ มุกรินระไมมาด พงส.สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 33 ม. 7 ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ท่าศาลา และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยท่าศาลา
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง บริเวณหน้าบ้านพบศพเด็กหญิงพรพิมล ดำมี อายุ 13 ปี นอนคว่ำหน้าในชุดกางเกงขาสั้นสีขาว สวมเสื้อเชิ๊ตลายดอกสีเทา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าที่บริเวณต้นแขนซ้าย ทะลุราวนมซ้าย 1 นัด หัวไหล่ซ้ายเฉี่ยวกกหูซ้าย 1 นัด ห่างจากศพประมาณ 10 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณข้างบ้าน พบศพนายเรียม ผิวล้วน อายุ 76 ปี นอนหงาย สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าบริเวณใต้กกหูขวา กระสุนฝังใน และนางพรรัตน์ สุกงอม อายุ 46 ปี สภาพศพนอนหงายสลับหัวท้ายกันกับนายเรียม สวมเสื้อแขนสั้น ลายดอก กางเกงขายาว สวมเสื้อกันเปื้อนทับภายในเสื้อมีเงินสดจำนวนมาก ในมือขวาถือโทรศัพท์มือถือ ถูกยิงด้วยอาวุธปืน .38 เข้าที่ต้นแขนซ้าย ทะลุหน้าอกซ้าย กระสุนฝังใน โดยมีสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลสีขาวนั่งเฝ้าศพนางพรรัตน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบก็ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากสุนัขจะกัดทุก คนที่เข้าใกล้นางพรรัตน์
จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืน .38 กระบอกดังกล่าววางอยู่ข้างมือขวาของนายเรียม โดยในลูกโม่ยังเหลือกระสุนอีก 4 นัด ห่างจากศพทั้งคู่ออกไปทางหลังบ้านประมาณ 1 เมตร พบปลอกกระสุนปืน 4 นัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางพรรัตน์ได้ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บม 9932 นครศรีธรรมราช กลับจากขายผักที่ตลาดใกล้บ้าน เมื่อขับรถมาจอดที่โรงจอดรถซึ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน นางพรรัตน์จึงเปิดประตูเดินลงมาจากรถเพื่อจะเก็บของลงจากรถ นายเรียมซึ่งอยู่ภายในบ้านได้ออกมาทักทายพูดคุยกันกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ เข้ามานางพรรัตน์จึงเดินไปรับโทรศัพท์ข้างบ้านที่เกิดเหตุ นายเรียมจึงเกิดบันดาลโทสะ เข้าไปต่อว่า จึงเกิดการทะเลาะกัน จากนั้นนายเรียมจึงเดินไปยังบ้านลูกชายของนางพรรัตน์เพื่อหยิบปืนดังกล่าว ที่เก็บไว้ในโต๊ะ ออกมายิงเข้าที่ตัวนางพรรัตน์ขณะกำลังโทรศัพท์อยู่ เมื่อได้ยินเสียงปืน เด็กหญิงพรพิมลซึ่งอยู่ภายในบ้านจึงวิ่งลงมาจากบนบ้านเห็นแม่ล้มลงตะโกน เสียงร้องต่อว่า
เมื่อนายเรียมเห็นจึงใช้อาวุธปืนดังกล่าวยกขึ้นยิงไปที่เด็กหญิงพรพิมล ด้วยความตกใจเด็กหญิงพรพิมลจึงลุกขึ้นวิ่งหนี เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนปืนเฉี่ยวเข้าหัวไหล่ซ้าย ทะลุกกหูซ้าย 1 นัด นายเรียมวิ่งตามมายิงอีก 1 นัด กระสุนเข้าที่บริเวณแขนซ้าย ทะลุราวนมซ้ายเสียชีวิตจากนั้นจึงวิ่งกลับมาที่ศพนางพรรัตน์แล้วโยนปลอก กระสุนปืนทิ้ง 4 ปลอก คาดว่ากระสุนปืนอาจจะหมดจึงไปหยิบกระสุนปืนมาใส่อีก กลับมานั่งที่ศพนางพรรัตน์ จากนั้นจึงตัดสินใจยิงตัวเองตายเคียงข้างโดยสลับหัวท้ายกับนางพรรัตน์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นายเรียมอาจบันดาลโทสะและอาจหึงหวงที่นางพรรัตน์คุยโทรศัพท์ จึงเป็นเหตุให้นายเรียมตัดสินใจใช้อาวุธปืนสังหารโหดและปลิดชีวิตของตัวเอง ในที่สุดซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมทำการสืบ สวนสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้ต่อไป
ทั้งนี้ นายพงศธร ดำมี อายุ 19 ปี บุตรชายนางพรรัตน์ กล่าวว่า นางพรรัตน์มีลูกติด 2 คน คือ ตนและ ด.ญ.พรพิมล นางพรรัตน์ได้มาอยู่กินกับนายเรียมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยยกบ้านหลังเล็กให้ตนอยู่คนเดียวหลังบ้าน ส่วนบ้านหลังใหญ่นายเรียม นางพรรัตน์ และ ด.ญ. พรพิมล อาศัยอยู่ด้วยกัน ในช่วงเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้อยู่บ้าน ตนจึงไม่รู้ว่าสาเหตุใด แต่ก่อนหน้านี้นายเรียมกับนางพรรัตน์มักจะทะเลาะกันบ่อยครั้งเรื่องความหึง หวง
พยานรายหนึ่งระบุว่า นายเรียมมักมานั่งกินน้ำชาร้านใกล้บ้านกับเพื่อนสนิท 2-3 คน โดยเพื่อนๆมักหยอกล้อว่ามีเมียสาวระวังเมียนอกใจ ซึ่งนายเรียมมักเปรยเสมอๆว่าหากจับได้นางพรรัตน์มีชู้จะฆ่าให้หมดทุกคน ตนก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่เพียงว่าพูดกันเล่นๆ เช้าที่ผ่านมานายเรียมก็มานั่งกินน้ำชาตามปกติ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่มีสีหน้าเครียด คาดว่า นายเรียมอาจหึงนางพรรัตน์ เนื่องจากนางพรรัตน์เป็นแม่ค้าในตลาด ชอบพูดจาคุยหยอกล้อกับลูกค้าทุกคนโดยเฉพาะลูกค้าผู้ชาย ซึ่งอาจทำให้นายเรียมเก็บสะสมเอาไว้จึงบันดาลโทสะเป็นเหตุให้เกิดสังหารใน ครั้งนี้