เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 3 มีนาคม พ.ต.อ.อนินท์ ศรีสรรพางค์ ผู้กํากับการ สภ.เมืองราชบุรี
พ.ต.ท.เอนก บุตรดี สารวัตรเวร สภ.เมือง พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี ตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งว่า พบศพผู้เสียชีวิตในลักษณะถูกข่มขืนแล้วฆ่า ที่บริเวณป่ามะม่วงที่ปลูกสลับกับไม้ไผ่รวก หมู่ที่ 10 ตําบลอ่างทอง อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตนอนงายอยู่ในพุ่มไม้ที่มีต้นข่อยอยู่
สภาพศพที่ศรีษะถูกตีด้วยของแข็งมีเลือดไหล เสื้อถูกถกเลยหน้าอกขึ้นมา ส่วนท่อนล่างเปลือยกาย ที่อวัยวะมีร่องรอยถูกข่มขืนจนเลือดไหลออกมาบนกับนํ้าอสุจิ บริเวณข้างศรีษะพบรองเท้าของผู้ตายตกอยู่ ที่สําคัญที่ปรายเท้าพบว่ามีร่องรอยของการจุดไฟเผาแต่ยังไม่ไหม้
จากจุดที่พบศพประมาณ 50 เมตร พบกางเกงขาสั้นของผู้ตายตกอยู่ใต้ต้นมะม่วง ตํารวจตรวจสอบพบว่า
เหตุเกิดที่บริเวณใต้ต้นมะม่าง คนจากคนร้ายข่มขืนแล้วฆ่าก่อนจะลากศพไปหมกไว้ในพุ่มไม้แล้วจุดไฟเผา ทราบชื่อผู้ตายคือนางสาววาสนา มูลชุลี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 16 ตําบลหนองสังฆ์ อําเภอแก่งค้อ จังหวัดชัยภูมิ
จากการสอบสวนนายลําพาง มูลชุลี อายุ 52 ปี พ่อของนางสาววาสนาผู้ตายให้การว่า
ตนและครอบครัวเดินทางมาจากจังหวัดชัยภูมิ มารับจ้างตัดอ้อยอยู่กับนายจ้าง โดยพักอยู่ที่ห้องเช่า หมู่ที่ 10 ตําบลอ่างทอง ซึ่งเป็นห้องแถว ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันนายทักษิณ พงษ์วิสิทธิ์ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นคนรับจ้างตัดอ้อยด้วยกัน ได้ชวนนางสาววาสนาผู้ตายไปแยงไข่มดแดงที่บริเวณป่ามะม่วงที่เกิดเหตุ แต่ก็หายไปนานจนใกล้จะมืดคํ่าก็ยังไม่กลับ จึงได้ระดมคนงานออกตามหาในป่ามะม่วงที่นางสาววาสนาไปแย่งไข่มดแดง จนพบกางเกงตกอยู่ใต้ต้นมะม่วง และตามหาจนพบศพถูกฆ่าข่มขืน จากนั้นแจ้งตํารวจ
ต่อมาตํารวจจนติดตามจับตัวนายทักษิณได้ขณะนอนอยู่ในห้องแถวที่พักเดียวกับผู้ตาย ตํารวจสอบสวนจนรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือข่มขืนนางสาววาสนาก่อนจะฆ่า
แล้วลากศพไปหมดในป่า และจุดไฟเผาเพื่ออําพรางคดี ช่วงเดินกลับที่พักนั้นนายทักษิณยังจุดไฟเผาป่าไปตลาดทางจนเกิดเพลงไหม้ป่าไผ่ขึ้น ทางรถดังเพลิงจากเทศบาลตําบลห้วยชินสีห์ มาร่วมกันฉีดนํ้าดับไฟที่กําลังลุกไหม้ป่าไผ่ แต่ไฟยังไหม้ไปไม่ถึงศพของนางวาสนาที่หมกไว้ จนมีคนมาพบอยู่ในสภาพที่ข่มขืนแล้วฆ่าดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจจนควบคุมตัวนายทักษิณ ผู้ต้องหาไว้นําเนินคดีต่อไป