ศาลสั่งเทเวศประกันภัย จ่ายค่าสินไหมกรณีไฟไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ 3.7 พันล้าน-ชี้ไม่ใช่ก่อการร้าย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม ศาลสั่งเทเวศประกันภัย จ่ายค่าสินไหมกรณีไฟไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ 3.7 พันล้าน-ชี้ไม่ใช่ก่อการร้าย
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ "CPN"
โดยนางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ เลขานุการบริษัทฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุเพลิงไหม้โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ จาก บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2554 ในวันนี้ (วันที่ 1 มีนาคม 2556) ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้บริษัทฯ ชนะคดี โดยพิพากษาให้เทเวศประกันภัยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากทรัพย์สินเสียหาย จำนวนเงิน 2,719,734,975.29 บาท และค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการขาดรายได้ จำนวนเงิน 989,848,850.01 บาท
พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2554 เป็นต้นไปจนกว่าเทเวศประกันภัยจะชำระเงินดังกล่าวครบถ้วน (รวมเป็นเงินประมาณ3,708ล้านบาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย) แต่ทั้งนี้ เทเวศประกันภัยสามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา และสามารถขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 1 มีนาคม ศาลมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ ผบ.4326/2554 ที่กองทุนรวมธุรกิจไทย 4 และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัดผู้ประกอบการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กับพวก รวม 4 ราย ยื่นฟ้อง บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด(มหาชน) เป็นจำเลย คดีคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องประกันภัย เพื่อให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 3,838,296,969 บาท พร้อมดอกเบี้ยเนื่องจาก บ.เทเวศ ฯ ปฏิเสธจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์ค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เมื่อเดือน พ.ค.53 ที่ผ่านมา โดย บ.เทเวศ ฯ อ้างเหตุว่าเพลิงไหม้ เกิดจากการก่อการร้าย ซึ่งกรมธรรม์ไม่คุ้มครอง
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า บ.เทเวศ ฯ ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมตามกรมธรรม์ โดยเหตุเพลิงไหม้จากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 ไม่ใช่กรณีก่อการร้ายหรือกรณีอื่นที่อยู่ในข้อยกเว้นของกรมธรรม์แต่อย่างใด จึงพิพากษา ให้ บ.เทเวศ ฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ซึ่งเป็นค่าเสียหายต่อทรัพย์สินจำนวน 2,719,734,979.29 บาท และค่าความเสียหายต่อธุรกิจหยุดชะงักจำนวน 989,848,850.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 31 มีนาคม 2554 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชดใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ด้วยอีก 60,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีคำพิพากษาดังกล่าวยังเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ภายใน 30 วันตามกฎหมาย
ด้านบริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ตามที่ศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ ผบ. 4326/2554 ระหว่าง กองทุนรวมธุรกิจไทย 4 กับพวกรวม 4 คน โจทก์ และ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บริษัท เทเวศฯ) จำเลย ได้มีคำพิพากษาในวันที่ (1 มีนาคม 2556) ให้บริษัท เทเวศฯ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์จำนวนรวม 3,709,583,825 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2554
บริษัท เทเวศฯ ขอเรียนชี้แจงว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองอันส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์บริเวณสี่แยกราชประสงค์ในวันที่19 พฤษภาคม 2553 และอาคารศูนย์การค้าดังกล่าวได้ทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ไว้กับบริษัท เทเวศ ฯเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียและเสียหายต่อผู้เอาประกันจำนวนมากและไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าสาเหตุของความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากภัยในลักษณะใดและอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกรมธรรม์ที่กำหนดหรือไม่ ดังนั้น ผู้เอาประกันภัยจึงได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางศาลเพื่อหาข้อยุติ จนกระทั่งในวันที่ 1 มีนาคม 2556) ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้บริษัท เทเวศฯ รับผิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์ข้างต้น ณ ขณะนี้ บริษัท เทเวศฯ ยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถแจ้งเหตุผลและรายละเอียดของคำพิพากษาดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตามบริษัท เทเวศฯ ขอเรียนชี้แจงว่าบริษัท เทเวศฯ ดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัยด้วยหลักธรรมาภิบาลเสมอมา และเคารพในคำวินิจฉัยของศาล แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดและในการรับประกันภัยตามกรมธรรม์นี้ บริษัท เทเวศฯ ได้กระจายความเสี่ยงโดยจัดให้มีการประกันภัยต่อไปยังบริษัทรับประกันภัยต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ (Re-insurer) หลายบริษัท ดังนั้นบริษัท เทเวศฯ จึงจำเป็นต้องปรึกษาและประสานงานกับบริษัทรับประกันภัยต่อ (Re-insurer) เพื่อขอแนวทางในการดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ บริษัท เทเวศฯ ขอเรียนว่าฐานะการเงินของบริษัทยังคงมีความมั่นคง และเชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดหากบริษัท เทเวศฯ ต้องชำระเงินตามคำพิพากษาดังกล่าว บริษัท เทเวศฯ จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้รับประกันภัยต่อตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อ ดังนั้น คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและสถานะทางการเงินของบริษัท เทเวศฯ แต่อย่างใด