เมื่อเวลา 22.10 น. (วันนี้ 27 ก.พ.) พ.ต.ท.ธีระ ประสิทธิ์ศุภกานต์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คูคต
รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเทรลเลอร์ขนาด22ล้อ บรรทุกน้ำมันพืชเสียหลักพลิกคว่ำกรีดขวางการจราจร แล้วมีการรั่วไหลของน้ำมันพืชเป็นจำนวนมากให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณบนต่างสะพานเจ็ดชั่วโคตร ถนนพหลโยธินขาออก หมู่ที่16 ต.คูคต อ.ลำลูกกา หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยอาสาสมัครร่วมกตัญญู สมาชิกเหยี่ยวเวหาเขตจังหวัดปทุมธานี หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองคูคต
ในที่เกิดเหตุบนสะพานเจ็ดชั่วโคตร พบรถเทรลเลอร์ขนาด22ล้อยี่ห้ออีซูซุสีขาว ของบริษัทเพชรศรีวิชัยจำกัด
ด้านหน้ารถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนสภาพพังยับเยินกระจกแตกละเอียด หมายเลขทะเบียนหัวลาก70-3198 สุราษธานี หางลากหมายเลขทะเบียน 70-2490 สุราษธานี เลขข้างรถพีซี151 ด้านหลังมีแคปซูลบรรจุน้ำมันพืชที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีมาเต็มแคปซูลขนาดบรรจุ 30,000ลิตร พลิกคว่ำอยู่กลางถนนกรีดขวางการจราจรรถยนต์ในเส้นทางไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ จากการตรวจสอบพบว่าแคปซูลที่บรรจุน้ำมันพืชได้รับความเสียหายจากแรงกระแทกจนน้ำมันพืชจำนวนมากรั่วไหล ลงสู่พื้นผิวการจราจร ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ที่สัญจรมาในเส้นทางเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากลื่นคราบน้ำมันพืชที่รั่วไหลลงมาสู่พื้นผิวการจราจรกว่า10ราย เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นการจราจรรถยนต์และจักรยานยนต์ที่มาจากถนนพหลโยธินขาออกอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ขับขี่พบเพียงบัตรประจำตัวผู้ขับขี่รถบรรทุกคันเกิดเหตุระบุชื่อนายพรโชค จันทร์เล็ก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ
ทางด้านผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า รถบรรทุกน้ำมันพืชคันเกิดเหตุขับขี่มาด้วยความเร็วสูง
จากถนนพหลโยธินขาออกจากนั้นขึ้นสะพานเจ็ดชั่วโคตร แต่บนสะพานเป็นทางโค้งอันตรายผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้จึงทำให้รถเสียหลักชนแบริเออร์กั้นทางจนพลิกคว่ำแล้วตัวรถไถลไปไกลกว่า20เมตร จนหยุดแน่นิ่งเพราะหัวลากไปชนติดอยู่กันแบริเออร์
พ.ต.ท.ธีระ ประสิทธิ์ศุภกานต์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คูคต เปิดเผยว่า
เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลเมืองคูคตเพื่อเตรียมฉีดน้ำล้างพื้นผิวการจราจรหากเก็บกู้ซากรถยนต์สำเร็จ พร้อมทั้งประสานรถเครนขนาดใหญ่เพื่อเร่งเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุออกนอกเส้นทางและประสานแขวงการทางเพื่อเร่งทำความสะอาดพื้นผิวการจราจรที่เปอะเปื้อนคราบน้ำมันเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นหากมีการเปิดการจราจร
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่ใช้เส้นทางถนนพหลโยธินขาออกที่มาจากพื้นที่ กทม.เชื่อมต่อจ.ปทุมธานี
ไม่สามารถสัญจรผ่านในเส้นทางไปได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปิดการจราจรอย่างสิ้นเชิง ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ถนนวิภาวดีขาเข้าแล้วใช้จุดกลับรถหน้าฐานทัพอากาศ เพื่อมุ่งหน้าเส้นทางขาออก ซึ่งคาดว่าประมาณ03.00น.น่าจะเปิดการจราจรได้บางช่องทาง