เครือข่ายกะเหรี่ยงประณามผัวเมียใจโหด

หลังใช้น้ำร้อนลวกและทำร้ายร่างกายเด็กหญิงกะเหรี่ยงนานกว่า 5 ปี พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 19 ก.พ.  ที่ห้องประชุมในศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

ได้มีเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่าย นำโดยนายไวยิ่ง ทองบือ ที่ปรึกษาเครือข่ายกะเหรี่ยง เพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม พร้อมกลุ่มเครือข่าย ได้ออกมาต่อต้านและประณามการกระทำของนายนที แตงอ่อน และน.ส.รัตนากร ปิยะวรธรรม สามีภรรยาซึ่งเป็นนายจ้างโหด ที่ได้ทำร้ายเด็กหญิงชาวกะเหรี่ยงที่จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมทั้งยื่นหนังสือ ถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายชูโชค ทองตาล่วง ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นตัวแทนของกลุ่มเครือข่าย

นายไวยิ่งกล่าวว่าจากเหตุการณ์ที่เด็กหญิงชาวกะเหรี่ยงได้ถูกนายจ้างคนไทยคือนายนทีและน.ส.รัตนากรทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยม
 
จับยัดกรงสุนัข น้ำร้อนราดเป็นแผลไปทั้งตัว ทั้งยังโดนทำร้ายร่างกายจนหัวแตกนาน 5 ปี ก่อนหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ซึ่งตำรวจขอหมายจับสอบผัวเมียดังกล่าว และทางผู้สื่อข่าวก็ได้เผยแพร่ภาพจนเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งพวกเราเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่าย ขอประณามการกรทำของสามีภรรยาคู่นี้ ไม่อาจยอมรับได้ เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ ที่มนุษย์ไม่กระทำต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม การกระทำดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจแก่คนทั้งประเทศ ทำให้เด็กหญิงแอ วัย 12 ปี ต้องสูญเสียความเป็นมนุษย์ทั้งร่างกายและจิตใจ  เป็นการกระทำที่ขัดต่อเสรีภาพการมีชีวิตตามปกติของมนุษย์ทั่วไป ขัดต่อหลักคุณธรรม จริยธรรม สิทธิมนุษยชน ขัดต่อกฎหมายไทยและกฎหมายข้อตกลงระหว่างประเทศ

นายไวยิ่ง กล่าวต่อไปอีกว่า ในนามเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่ายจึงขอเรียกร้องดังนี้

1. ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด 

2.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่เด็กหญิงแอ ครอบครัวเด็กหญิงแอ พยานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ไม่ให้ถูกคุกคามจากผู้มีอิทธิพล 

3.ให้มีการเยียวยารักษาสภาพร่างกายและจิตใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างเร่งด่วน 

4.เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กหญิงแอ เป็นแรงงานต่างด้าว แต่เด็กหญิงแอ เกิดในประเทศไทย ดังนั้นเด็กหญิงแอ จะต้องได้รับสัญชาติไทยตามหลักดินแดน ที่ว่า “บุคคลใดที่เกิดในราชอาณาจักรไทย บุคคลผู้นั้นย่อมได้รับสัญชาติไทย” 

และ 5.ขอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการด้วยความเป็นธรรม ไม่เกรงกลัวต่อผู้มีอิทธิพล ไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่ากรณีใดๆ