ตัดหน้ารถด่วน ขยี้สิบล้อ 6 ศพ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 มี.ค. พ.ต.ท.เกียรติพงษ์ ดำรงชัยวงศ์ สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถไฟโดยสาร ชนกับรถบรรทุก 10 ล้อ บริเวณถนนข้ามทางรถไฟบ้านใหม่ หมู่ 7 ต.คูบัว มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้นายณรงค์พงษ์ โพธิ์สมบัติ รอง ผวจ.ราชบุรี พล.ต.ต.ชัยชาญ กิติจันทร์ ผบก.ภ.จ.ราชบุรี นำกำลังตำรวจ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชานุกูล ไปให้ความช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุพบขบวนรถไฟสายด่วนบัตเตอร์เวอร์ธ วิ่งระหว่างประเทศมาเลเซีย-หาดใหญ่-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 36 มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ สภาพหัวรถจักรหลุดออกจากโบกี้ตกไปอยู่ข้างรางรถไฟด้านขวา พลิกตะแคงล้อหลุดกระเด็น โบกี้ที่ 1 ขาดออกจากขบวนตกไปทางด้านซ้ายล้อหลุดเช่นกัน โบกี้ที่ 2-4 ตกราง ส่วนโบกี้ที่ 5-11 จอดในสภาพปกติ มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังระงม ตะโกนขอความช่วยเหลือจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถกู้ชีพของ รพ.ศูนย์ราชบุรี และมูลนิธิจังหวัดข้างเคียง ร่วมนำคนเจ็บส่ง รพ.ศูนย์ราชบุรี รวมทั้งหมด 26 คน มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ
จากการตรวจสอบผู้โดยสารในขบวนรถไฟมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ คือนางณิชารีย์ เกลียวประเสริฐ อายุ 45 ปี ถูกโบกี้ที่ 1 ทับร่างแหลกเละ มีแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าและหน้าท้อง และนายสุวิช ขวัญอ่อน อายุ 29 ปี ถูกอัดก๊อบปี้ติดคาโบกี้ที่ 2 มีบาดแผลทั่วร่าง นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอีกเกือบ 10 คน ส่วนผู้โดยสารที่เหลือได้ประสานรถบัสมารับไปส่งที่สถานีรถไฟราชบุรี
บริเวณด้านหน้าหัวรถจักรพบซากรถบรรทุก 10ล้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน 86-1538 นครปฐม บรรทุกข้าวโพดโม่ หรือรำข้าวโพด ถูกชนแหลกเละไม่เป็นชิ้นดี ผู้ที่นั่งมาในรถเสียชีวิตคาที่ 3 ศพ นอนตายอยู่ในกองกระสอบข้าวโพดโม่ที่แตกกระจายเกลื่อน ทราบชื่อนายประวิทย์ แซ่เล้า อายุ 48 ปี นายสุธี มุราชวงษ์ อายุ 42 ปี และชายไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 30 ปีเศษ สภาพศพทั้ง 3 คน ศีรษะแตก แขนขาหัก นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ชื่อนายสัมพันธ์ กลัดกลีบ อายุ 29 ปี กะโหลกศีรษะแตก มีบาดแผลทั่วร่าง ส่วนผู้โดยสารที่มากับขบวนรถไฟได้รับบาดเจ็บ 26 คน อาการสาหัส 13 คน ในจำนวนนี้มีนายเรือง วรรณชาติ อายุ 42 ปี พนักงานขับรถไฟ ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 13 คน แพทย์ทำแผลแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้
สอบสวนนายศุภกร ปิยะปัญญานนท์ อายุ 35 ปี นายช่างเครื่อง ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยให้การว่า วันที่ 21 มี.ค. ขบวนรถไฟวิ่งออกจากประเทศมาเลเซีย 3 โบกี้ ข้ามมาฝังประเทศไทยจอดต่ออีก 8 โบกี้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีผู้โดยสารทั้งชาวมาเลเซีย ชาวต่างชาติและชาวไทยนับร้อยคน โดยเฉพาะโบกี้ที่ 1 วีไอพี ผู้โดยสารเป็นคณะผู้พิพากษาและอัยการ ได้เช่าเหมาขึ้นจาก อ.หาดใหญ่ เดินทางเข้ากรุงเทพฯในช่วงเย็นวันเดียวกัน กระทั่งเช้ามาถึงจุดเกิดเหตุเป็นถนนตัดทางรถไฟ จู่ๆรถบรรทุกคันดังกล่าวขับฝ่าราวเหล็กกั้นรางรถไฟตัดหน้ากะทันหัน พนักงานขับรถไฟพยายามเบรกแต่ไม่อยู่จึงพุ่งชนอย่างจัง
ต่อมาตำรวจตรวจสอบรถบรรทุกคันที่ประสบอุบัติเหตุเป็นของโรงงานรวมพัฒนา อ.เมืองนครปฐม จำหน่ายข้าวและวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารสัตว์ คนขับและเด็กท้ายรถนั่งมาด้วยกัน 4 คน บรรทุกรำข้าวโพดไปส่งฟาร์มหมูในละแวกดังกล่าว ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนขับ เมื่อถึงที่เกิดเหตุคาดว่าคนขับหักหลบเหล็กกั้นทางรถไฟที่กั้นไว้ด้านละ 1 เลน เว้นไว้ด้านละ 1 เลน แต่ขบวนรถไฟเป็นรถด่วน ประกอบกับรถบรรทุกน้ำหนักมาก จึงข้ามไม่ทันถูกพุ่งชนอย่างจังเสียชีวิตทั้งคัน 4 ศพ และผู้โดยสารที่มากับรถไฟเสียชีวิต 2 ศพ คาดว่ากำลังเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดข้อต่อตู้โบกี้ หรือไม่ก็ยืนดูวิวช่วงข้อต่อระหว่างโบกี้จึงถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิต
จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้การรถไฟฯต้องประกาศงดเดินขบวนรถไฟสายใต้ทั้งเที่ยวขึ้น-ล่องในวันที่ 22-23 มี.ค. ขณะเดียวกัน ต้องขอความร่วมมือจากกรมการทหารช่างนำเครื่องมือหนักมาช่วยเร่งกู้หัวรถจักรและตู้ โบกี้ที่ตกราง พร้อมซ่อมแซมทางรถไฟให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้