พี่สาวเหยื่อรถมินิฯ ร้องสื่อ หลังอาม่าของโจ๋วัย 17 ปัดความรับผิดชอบ

พี่สาวเหยื่อรถมินิฯ ร้องสื่อ หลังอาม่าของโจ๋วัย 17 ปัดความรับผิดชอบ


พี่สาวเหยื่อที่ถูกรถมินิคูเปอร์ชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อปี 2555 ออกมาร้องขอความเป็นธรรมหลังผู้ปกครองของเด็กที่ก่อเหตุ ปัดความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าไม่มีเงิน เนื่องจากนำเงินไปซื้อรถจนหมดแล้ว

สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.โชติกา ประสาทโสภณ อายุ 22 ปี นศ.ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์มินิคูเปอร์ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง 4721 พุ่งชน ขณะที่ตนเองพร้อมเพื่อนอีก 3 คน ลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุรถชนกันบนสะพานพระราม 9 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2555 ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 คน แต่ น.ส.โชติกา เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

กระทั่งในเวลาต่อมา นางหงษ์ แซ่ลี่ อายุ 81 ปี เจ้าของรถคันดังกล่าวพร้อมทนายความได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งว่าคนขับรถในวันเกิดเหตุคือ นายเก่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี หลานชายของตน และนางหงษ์ รับปากว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ร่วมกับเงินที่บริษัทประกันรถยนต์จะชดเชยให้นั้น


 

ล่าสุด วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) มีรายงานว่า น.ส.สิริมนต์ พี่สาวของ น.ส.โชติกา ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ โดยเปิดเผยว่า ตอนที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว น้องสาวตนมีอาการสาหัสมาก จนไม่นึกว่าจะรอดชีวิตมาได้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อน้องได้ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่กับครอบครัว กลับพบว่าน้องของตนได้กลายเป็นผู้ทุพพลภาพ เนื่องจากศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้สมองไม่สามารถประมวลผลได้ โดยเฉพาะในเรื่องการลำดับความคิด เมื่อตนให้น้องลองเขียนบันทึกดูก็พบว่า ข้อความที่เขียนทั้งหมดนั้น ไม่สามารถจับใจความได้เลย เหมือนผสมหลายเรื่องเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ น้องยังจำอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ รวมถึงจำเรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุดในชีวิตประจำวันไม่ได้ เช่น หากถามว่าเมื่อเช้ากินข้าวกับอะไร หรือถามว่า กินข้าวแล้วหรือยัง เจ้าตัวก็ตอบไม่ได้ แถมบุคลิกยังเปลี่ยนไป กลายเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ยอมพูดยอมจา ขนาดปวดปัสสาวะยังไม่ยอมบอกใคร และนั่งปัสสาวะบนที่นอนทั้งอย่างนั้น จนภายหลังต้องให้ใส่ผ้าอ้อมตลอดเวลา โดยแพทย์ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า น้องของตนจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ ซึ่งครอบครัวต้องผลัดกันดูแลน้องสาวด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพ่อแม่ก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงดูน้อง ส่วนตนก็มีลูกเล็ก ซึ่งถ้ามีโอกาสตนก็จะมาช่วยดูแลน้องเช่นกัน

ส่วนสาเหตุที่มาร้องเรียนในครั้งนี้ เนื่องจากนางหงษ์ ผู้ปกครองของวัยรุ่นที่ขับรถชนน้องสาวตน ที่เคยรับปากว่าจะรับผิดชอบและจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ได้ติดต่อมาที่ครอบครัวตน พร้อมกล่าวว่า จะให้เงิน 3 แสนบาท แต่ให้ถือว่าสิ้นสุดกันไป โดยอ้างว่าไม่มีเงินจะให้ เนื่องจากได้นำเงินทั้งหมดที่มีไปซื้อรถมินิคูเปอร์คันนั้น แต่ตนและครอบครัวไม่เชื่อคำพูดดังกล่าว เพราะคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะนำเงินทั้งหมดไปซื้อรถ จนไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ ซึ่งตนรู้สึกโกรธมาก และสงสัยว่าเขาคิดได้แค่นี้จริง ๆ เหรอ เขาใช้เงิน 2 ล้านกว่าบาท ซื้อรถคันนั้นได้ และการที่เขาใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาสร้างความสุขให้กับตัวเองอยู่ในทุกวันนี้ แต่กับคนที่ถูกเขากระทำ และต้องมารับทุกข์อย่างน้องตน กลับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ ซึ่งแทนที่น้องตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป แต่เขากลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป ตนจึงสงสัยว่าเขาคิดอย่างนั้นได้อย่างไร



แหล่งที่มา รายการเรื่องเล่าเช้านี้


พี่สาวเหยื่อรถมินิฯ ร้องสื่อ หลังอาม่าของโจ๋วัย 17 ปัดความรับผิดชอบ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์