รองผบช.น.สั่งสอบเพิ่มประเด็นอาวุธปืนกล็อก 9 ม.ม.ที่"พี ปรเมศวร์" ใช้ยิงฆ่า"เอ นพปฎล"
พบข้อมูลเจ้าของที่จดทะเบียนเป็นนักธุรกิจซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เร่งหาข้อมูลว่ามาอยู่ในมือดาราหนุ่มได้อย่างไร เพราะปกติปืนชนิดนี้นายทะเบียนจะไม่ค่อยอนุญาตเพราะมีอานุภาพร้ายแรง รวมทั้งตามปม รปภ.ที่เป็นพยานขอลาออก ว่ามาจากเรื่องอะไรแน่ น้องสาวดาราหนุ่มที่มีภาพปรากฏในกล้องวงจร ปิดนาทียิงนัดเข้าให้ปากคำวันนี้ ตร.เผยคดีคืบหน้าไปมากเหลือสอบพยานอีกไม่กี่ปาก และรอผลหัวกระสุน รวมทั้งผลผ่าพิสูจน์ศพมาประกอบเท่านั้น ชี้คดีนี้รูปการณ์ชัดเจนโดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด
จากกรณีนายปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์ หรือ "พี ปรเมศวร์" นักแสดงช่อง 3 ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่านายนพปฎล อธิบาย หรือ "เอ"
หุ้นส่วนร้านมิ้วส์ ผับดังย่านทองหล่อจนเสียชีวิต เหตุเกิดช่วงเช้า 17 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณประตูทางออกลานจอดรถอาคารเอท ทองหล่อ ปากซอยทองหล่อ 8 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ดาราหนุ่มอ้างว่าเป็นเหตุปืนลั่น แต่ปรากฏว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดนาทีเกิดเหตุ ชี้ชัดว่าพี ปรเมศวร์ ชักปืนออกมาไล่ยิงเอ เสียชีวิต โดย "น้องปุ๊ก" แฟนสาวลูกเซียนพระชื่อดังกับน้องสาวของพี พยายามห้ามปรามแต่ไม่สำเร็จ รวมทั้งมี รปภ.ที่เห็นเหตุการณ์วิ่งหนีกระสุนชุลมุน
ล่าสุดตำรวจพบว่า รปภ.พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ขอลาออกจากงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ประสานขอสอบปากคำน้องสาวของดาราหนุ่ม ในฐานะพยาน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
น้องสาวนัดตร.วันนี้ พบอีกปม ปืนไม่ใช่ของพี
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 ม.ค. พ.ต.ท. วริดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ทองหล่อ กล่าวว่า
ได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.ศราวุธ เดชศรี พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ว่าในวันที่ 28 ม.ค. น้องสาวของนายปรเมศวร์จะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยทางเราจะเน้นสอบนาทีเกิดเหตุที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพน้องสาวอยู่ในเหตุการณ์ยิงกันได้ ในส่วนของสำนวนคดีตอนนี้คืบหน้าไปมากแล้ว เพียงแต่รอผลจากวัตถุพยานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบสำนวน เช่น หัวกระสุนปืน ผลผ่าพิสูจน์ศพ
พ.ต.ท.วริดลกล่าวต่อว่า ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่ทางพนักงานสอบสวนได้มา
ซึ่งบันทึกเหตุการณ์กระทำผิดของผู้ต้องหา ส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพื่อให้ยืนยันว่าภาพวงจรปิดที่ได้มาไม่มีการตัดต่อแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีภาพวงจรปิดเผยแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ตามสื่อต่างๆ คงไม่ส่งผลต่อรูปคดี เพราะความจริงก็คือความจริงและเห็นการ กระทำผิดของผู้ต้องหาอย่างชัดเจน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ด้านพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. กล่าวว่า
สำนวนการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว และไม่มีรายงานด้วยว่ามีใครเข้ามาทำให้คดีเกิดความยุ่งเหยิง หรือใช้อิทธิพลจนทำให้คดีนี้เปลี่ยนรูปไปได้ ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ รปภ.ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ที่มีข่าวว่าลาออกจากงานไปนั้นไม่ทราบ แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้าลาออกไปจริงก็น่าจะมาจากเรื่องส่วนตัวมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมาในการสอบปากคำพยานรายนี้เขาก็ให้การด้วยดี มีความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ไม่น่ามีปัญหาอะไรที่เป็นผลมาจากคดีนี้จนถึงขั้นต้องลาออกจากงาน แต่หากว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องนี้จริงๆ ก็ขอให้รีบเข้าปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวต่ออีกด้วยว่า ที่ผ่านมาให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางปืนกระบอกที่ผู้ต้องหานำมาใช้ก่อเหตุ
เนื่องจากทราบว่าอาวุธปืนกระบอกนี้ตามหลักฐานแล้วเป็นชื่อของนายดำรงค์ ซื่อพงษา ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และตามกฎหมายแล้วอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อกล็อกที่ใช้ก่อเหตุนี้เป็นอาวุธปืนพกสั้นอัตโนมัติมีศักยภาพสูง เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตว่ามีวุฒิภาวะ ตำแหน่งหน้าที่การงานเหมาะสมหรือไม่
"จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของเดิมเป็น นักธุรกิจมีไว้ใช้ในการป้องกันตัว แต่หากทายาทโอนผ่านต่อมายังผู้ต้องหาที่เป็นนักแสดง ทางนายทะเบียนไม่น่าจะอนุญาตให้โดยง่าย ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบต่อไปว่าปืนกระบอกนี้มาอยู่กับผู้ต้องหาได้อย่างไร หากมีการซื้อขายและโอนทะเบียนกันแล้ว ทำกันถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินคดีเพิ่มรวมถึงเพิกถอนทะเบียนปืนต่อไปด้วย" รอง ผบช.น.กล่าว