กรณีมีผู้พบนายเอกพันธุ์ ผ่องแผ้ว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 10 ต.กระโสบ อ.เมืองอุบลราชธานี
ถูกมัดปาก มัดมือ มัดเท้า พยายามกระเสือกกระสนอยู่ข้างถนน ในสภาพกางเกงตัวเดียวจึงเข้าช่วยเหลือแก้พันธนาการออก พร้อมโทรศัพท์แจ้งรถฉุกเฉิน 1669 นำตัวส่ง รพ.50 พรรษาวชิราลงกรณ์ โดยนายเอกพันธ์แจ้งตำรวจว่าถูกคนร้าย 3 ค้นใช้ปืนจี้ชิงรถเก๋งฮอนด้าสีแดง ทะเบียน กย 4652 นครราชสีมาไป ขณะที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถคันดังกล่าวที่แหกด่านตรวจสี่แยกถนนอุบล-ตาลสุม ตัดถนนเลี่ยงเมือง และเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำพังยับเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้าคดีในวันนี้ (26 ธ.ค.) พ.ต.ท.นพดล ช่วยบุญ รองผกก.สส. สภ.เมืองอุบลราชธานี พ.ต.ท.ก้องชนะ บุตรศิริ พงส.(สบ.3) เจ้าของคดี
ได้สอบสวนนายเอกพันธุ์ ให้การมิพิรุธไม่ตรงกัน และพฤติกรรมการก่อเหตุไม่น่าจะเป็นการถูกทำร้าย จึงสอบสวนพยานแวดล้อมโดยละเอียด กระทั่งมีผู้ระบุว่านายเอกพันธ์และเพื่อนๆนั่งดื่มเหล้ากันที่บ้านหนองทาม ต.กระโสบ ในคืนวันที่ 23 ธ.ค.จนกระทั่ง 23.00 น. นำรถคันเกิดเหตุออกไปจากหมู่บ้านพร้อมด้วยนายโก้หรือนายสุวินัย คำจุ่น จนทราบว่าเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ต่อมาเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ตำรวจทั้ง 2 นายเรียกตัวนายเอกพันธุ์ มาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทำให้นายเอกพันธ์ยอมรับสารภาพว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อไม่ให้พ่อ-แม่ ต่อว่า เนื่องจากนำรถออกจากบ้านไปแหกด่านตรวจของตำรวจ โดยขับรถไปพบด่านจึงขับถอยหลังชนขอบฟุตบาท และพุ่งหนีด่านจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถเสียหายทั้งคัน เกรงความผิดจึงสร้างเรื่องขึ้น แต่ต้องต้องตัดสินใจรับสารภาพเนื่องจากอยากให้เรื่องจบเพราะยิ่งราวยิ่งไปกันใหญ่ อีกทั้งสื่อทีวีบางช่องติดต่อขอตัวไปกทม.เพื่อสัมภาษณ์สด ตนไม่รู้จะไปพูดอย่างไรและตำรวจเองก็จะเสียหาย ไม่มีคำแก้ตัว จึงขอสารภาพเพื่อให้เรื่องยุติ พร้อมกล่าวคำขอโทษต่อสังคมที่กุเรื่องขึ้นเองทำให้วุ่นวายกันทั้งจังหวัด
นายเอกพันธ์ ยังบอกด้วยว่าได้ผูกขา ผูกปาก และผูกแขนตัวเองทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อว่าจะทำได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมนายโก้ หรือนายสุวินัย คำจุ่น เพื่อนที่ไปด้วยกันมาสอบสวน นายสุวินัย รับสารภาพว่าเป็นคนมัดนายเอกพันธุ์เองโดยนายเอกพันธุ์เป็นคนวางแผน ควบคุมตัวทั้งคู่ไปตรวจปัสสาวะพบสีม่วง เบื้องต้นแจ้งข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน และเสพสารเสพติด(ยาบ้า) ดำเนินคดีต่อไป