ภาพจาก ข่าวสดเวลา 15.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ร.ต.ต.กิตติกร จำรัส พนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์ เหตุเกิดภายในธนาคารธนชาติ สาขา เจริญนคร ปากซอยเจริญนคร 29/1 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สส.บก.น.8 กำลังฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.8 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 1443-45 บริเวณชั้นล่างธนาคารดังกล่าวมีเคาน์เตอร์รับฝากเงินทั้งหมด จำนวน 3 ช่อง ซึ่งมีพนักงานธนาคารยืนอยู่กันประมาณ 7-8 คน ด้วยอาการตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายนิ้วมือคนร้ายและตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดี
จากการสอบสวน น.ส.ชนิดา พุทธเจริญผล อายุ 30 ปี พนักงานธนาคารประจำเคาน์เตอร์ที่ 2 ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.50 น. ขณะที่ตนกำลังทำงานเป็นปกติอยู่ภายในเคาน์เตอร์กับเพื่อนร่วมงานรวม 3 คน ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการภายในธนาคาร จากนั้นได้มีคนร้ายสวมหมวกกันน็อค แบบครึ่งใบ สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม กางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าแตะหูคีบ เดินเข้ามาพร้อมถือมืดคล้ายมีดปลอกผลไม้ วิ่งเข้ามาภายในธนาคาร พอพวกตนเห็นก็พากันตกใจวิ่งหลบหนีเข้าไปด้านข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นคนร้ายได้กระโดดข้ามเข้ามาภายในเคาน์เตอร์พร้อมส่ายมีดไปมาข่มขู่พวกตนไม่ให้ออกมา แล้วรีบเปิดลิ้นชักกวาดเงินไปกว่า 4 แสนบาท จังหวะนั้นตนจึงได้กดสัญญาณเตือนภัยเมื่อคนร้ายได้ยินจึงรีบกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ออกไปหน้าธนาคาร ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปตามเส้นทางบุคคโลอย่างรวดเร็ว
ด้านพล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าคนร้ายนั้นรูปร่างสันทัดใส่หมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า ได้ใช้มีดคล้ายมีดปลอกผลไม้เข้ามาก่อเหตุดังกล่าว โดยได้เงินสดไปเกือบ 4 แสนบาท แล้วรีบขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง สีเข้ม ซึ่งจอดไว้หน้าธนาคารห่างไปประมาณ 30 เมตร ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นแผ่นป้ายทะเบียนเลข 41 แต่ไม่ทราบหมวดตัวอักษรและจังหวัด โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียง 30 วินาที ซึ่งรวดเร็วมากแล้วรีบหลบหนีมุ่งหน้าไปตามเส้นทางบุคคโล
เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายนั้นอาจมีการมาดูลาดเลาไว้ก่อนลงมือก่อเหตุ เพราะทางธนาคารไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแล อาจเป็นช่องว่างที่ทำให้คนร้ายเลือกลงมือก่อเหตุประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีลูกค้ามาใช้บริการด้วย จึงเชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะใช่มืออาชีพเพราะดูจากลักษณะการก่อเหตุแล้ว หลังจากนี้จะต้องนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 1443-45 บริเวณชั้นล่างธนาคารดังกล่าวมีเคาน์เตอร์รับฝากเงินทั้งหมด จำนวน 3 ช่อง ซึ่งมีพนักงานธนาคารยืนอยู่กันประมาณ 7-8 คน ด้วยอาการตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายนิ้วมือคนร้ายและตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดี
จากการสอบสวน น.ส.ชนิดา พุทธเจริญผล อายุ 30 ปี พนักงานธนาคารประจำเคาน์เตอร์ที่ 2 ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.50 น. ขณะที่ตนกำลังทำงานเป็นปกติอยู่ภายในเคาน์เตอร์กับเพื่อนร่วมงานรวม 3 คน ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการภายในธนาคาร จากนั้นได้มีคนร้ายสวมหมวกกันน็อค แบบครึ่งใบ สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม กางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าแตะหูคีบ เดินเข้ามาพร้อมถือมืดคล้ายมีดปลอกผลไม้ วิ่งเข้ามาภายในธนาคาร พอพวกตนเห็นก็พากันตกใจวิ่งหลบหนีเข้าไปด้านข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นคนร้ายได้กระโดดข้ามเข้ามาภายในเคาน์เตอร์พร้อมส่ายมีดไปมาข่มขู่พวกตนไม่ให้ออกมา แล้วรีบเปิดลิ้นชักกวาดเงินไปกว่า 4 แสนบาท จังหวะนั้นตนจึงได้กดสัญญาณเตือนภัยเมื่อคนร้ายได้ยินจึงรีบกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ออกไปหน้าธนาคาร ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปตามเส้นทางบุคคโลอย่างรวดเร็ว
ด้านพล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าคนร้ายนั้นรูปร่างสันทัดใส่หมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า ได้ใช้มีดคล้ายมีดปลอกผลไม้เข้ามาก่อเหตุดังกล่าว โดยได้เงินสดไปเกือบ 4 แสนบาท แล้วรีบขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง สีเข้ม ซึ่งจอดไว้หน้าธนาคารห่างไปประมาณ 30 เมตร ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นแผ่นป้ายทะเบียนเลข 41 แต่ไม่ทราบหมวดตัวอักษรและจังหวัด โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียง 30 วินาที ซึ่งรวดเร็วมากแล้วรีบหลบหนีมุ่งหน้าไปตามเส้นทางบุคคโล
เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายนั้นอาจมีการมาดูลาดเลาไว้ก่อนลงมือก่อเหตุ เพราะทางธนาคารไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแล อาจเป็นช่องว่างที่ทำให้คนร้ายเลือกลงมือก่อเหตุประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีลูกค้ามาใช้บริการด้วย จึงเชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะใช่มืออาชีพเพราะดูจากลักษณะการก่อเหตุแล้ว หลังจากนี้จะต้องนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
