ตร.ปากน้ำรวบโจรวิ่งราวทรัพย์หัวใส เปลี่ยนหมวกกันน็อก-แก้ทะเบียนรถ
ตร.ปากน้ำรวบโจรวิ่งราวทรัพย์หัวใส เปลี่ยนหมวกกันน็อก-แก้ทะเบียนรถ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ รอง ผบก. พ.ต.อ.พัลลภ แอร่มหล้า ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมกำลังตำรวจ ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายอาคม หรือ หลินขุมทรัพย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ พร้อมด้วยของกลาง สร้อยคอทองคำ จำนวน 8 เส้น พระเลี่ยมทอง จำนวน 10 องค์ พระเครื่อง 27 องค์ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน แผ่นป้ายทะเบียนรถ จยย. ทะเบียน ฬบง 854 กทม. จำนวน 1 แผ่น หมวกกันน็อก จำนวน 5 ใบ โดยมีเจ้าทุกข์เป็นหญิง 2 ราย ชี้ตัวผู้ต้องหา ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ตำรวจได้รับแจ้งจาก น.ส.อาลิดา สินลิขิตกุล อายุ 27 ปี ถูกคนร้ายวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง ที่บริเวณปากซอยปลั่งเปล่ง ถนนพุทธรักษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟีโน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลังก่อเหตุได้ขับหลบหนีมาตามถนนประโคนชัย แต่ถูกตำรวจจราจรจับกุมได้ที่สี่แยกธนาคารกรุงเทพฯ ตรวจค้นพบของกลาง จากนั้นนำตัวไปสอบสวนขยายผล พบโทรศัพท์มือถือนายอาคมถ่ายรูปพระเครื่องและสร้อยคอทองคำเอาไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้นำตัวผู้ต้องหาไปค้นที่อพาร์ตเม้นต์ที่พัก เลขที่ 1991 ห้อง 220 ซ.เรวัต ม.3 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พบของกลางทั้งสร้อยคอทองคำ พระ และโทรศัพท์มือถือ หมวกกันน็อก ซุกซ่อนอยู่ในห้องพัก จากการสอบสวนนายอาคม รับสารภาพว่า ก่อนเคยทำงานบริษัทถูกให้ออกและตกงาน จึงก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในเขตท้องที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ สำโรงเหนือ มาไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง ในระยะเวลา 2 เดือน โดยเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงนั่งรถสามล้อเครื่อง รถจักรยานยนต์ โดยก่อเหตุแต่ละครั้งจะเปลี่ยนหมวกกันน็อก 5 ใบ 5 สี ใส่สลับกันเวลาก่อเหตุ บางครั้งก็ติดแผ่นป้ายทะเบียนโดยขูดตัวเลขแผ่นป้ายทะเบียน ฬบง -854 กทม. ขูดเลข 8 แก้เป็นเลข 3 เลข 4 แก้เป็นเลข 1 เพื่อไม่ให้ตำรวจตรวจสอบหมายเลขทะเบียนได้ บางครั้งก็ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลังก่อเหตุแล้วจะทยอยปล่อยของ นำเงินไปเที่ยวเตร่และจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเม้นต์ ตำรวจได้แจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย