แม้วดื้อตาใส-พลังม็อบกู้ชาติ ใครคือปัจจัย ส่อเค้าเหตุรุนแรง

แม้วดื้อตาใส-พลังม็อบกู้ชาติ ใครคือปัจจัย ส่อเค้าเหตุรุนแรง

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 21 มีนาคม 2549 16:25 น.

การเมืองเข้าสู่ยุควิกฤต -บ้านเมืองกำลังลุกเป็นไฟ -ทหารจะปฏิวัติหรือไม่- ไม่เคยมียุคใดที่แบ่งแยกประชาชนได้ชัดเจนเท่ากับ"ทักษิณ" - ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่การเมืองไทย ที่คลื่นมหาชนเรือนแสนเรือนล้านออกมาขับไล่นายกฯ มากที่สุดและนานที่สุด เหล่านี้คือทอล์คออฟเดอะทาวน์ แต่บทสนทนาทุกครั้ง มักจะทิ้งปริศนาหาคำตอบในตัวเองว่า แล้วจะจบลงอย่างไร ปัจจัยของเหตุและผล อันจะนำไปสู่ความรุนแรงมีอะไรบ้าง ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ จึงขอนำมาวิเคราะห์เพื่อเกาะติดสถานการณ์บ้านเมืองในยามนี้

สถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ถือว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้ว นั่นคือสัญญาณที่ตอกย้ำสภาพความเป็นจริง จากผลการสำรวจเอแบคโพล ที่สุ่มสำรวจความคิดของประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยร้อยละ 44.5 ลงความเห็นว่าการเมืองถึงทางตัน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้ร้อยละ 37.0 เห็นด้วยกับแนวคิดในการขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลต้องการคนเป็นกลาง-อยากให้เลิกการชุมนุม-อยากให้ทุกฝ่ายยุติการชุมนุม-บ้านเมืองจะได้สงบเสียที

มติขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี เพื่อปฏิรูปการเมือง เป็นไปตามเจตนารมย์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่ได้เรียกร้องให้"ทักษิณ"ลาออกมาโดยตลอด แต่นายกฯ ยังดื้อตาใส และมีความพยามยามที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อกำราบกลุ่มพันธมิตร ดั่งจะเห็นได้จากการแต่งตั้ง รักษาการรองนายก"ชิดชัย" ซึ่งรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ขึ้นมารั้งตำแหน่งรองนายกฯ อันดับ 1 เพื่อประเมินสถานการณ์และพร้อมเซ็นประกาศภาวะฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ

เค้าลางความรุนแรงจึงเริ่มปะทุขึ้น จากความพยายามของรัฐบาล เพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเองและพรรคพวก เพียงเพื่อให้วันเลือกตั้งที่ 2 เม.ย.ผ่านพ้นไปด้วยดี
แม้รัฐบาลจะรู้อยู่แก่ใจว่า การเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. ไม่ชอบธรรม เพราะมีผู้สมัครเพียงพรรคเดียว ถึงจะดันทุรังเลือกตั้งไปก็จะมีจำนวนส.ส.ไม่ครบ 500 เสียง เท่ากับการนำงบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท ไปละลายแม่น้ำเสียเปล่าๆ นับตั้งแต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีมติคว่ำบาตรเลือกตั้งเพื่อล้มระบอบทักษิณ รัฐบาลยังคงยืนกระต่ายขาเดียว ที่ชอบอ้าง 19 ล้านเสียงหาความชอบธรรมให้ตัวเอง กลับตะแบงไปจัดจ้างพรรคนอมินี พาเหรดลงรับสมัครเลือกตั้งแทน จนถูกพรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเวทีซักฟอกนอกสภาฯอยู่ในขณะนี้ส่อเค้าความรุนแรง ที่รอวันปะทุดั่งจะเห็นได้ชัด กรณีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านสี่เสาเทเวศน์ อย่างเป็นทางการ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้สัมภาษณ์สื่อ ที่แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พร้อมเตือนสติให้ทุกฝ่ายหาทางออกเพื่อทำให้บ้านเมืองสงบ หรือการเข้าพบป๋าเปรมของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะ"ลูกป๋า"และอดีตนายกฯ หวังเป็นคนกลางช่วยเจรจา"ทักษิณ"เพื่อหาทางยุติปัญหาความขัดแย้ง แม้กระทั่งรายงานข่าวของนสพ.เดอะเนชั่น ที่ระบุว่าที่ประชุมองคมนตรี เห็นชอบให้"ป๋าเปรม" นั่งเป็นประธานคณะกรรมการจัดงานฉลองสิริราชย์ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแทนนายกฯ ก็ดี

เหล่านี้ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือน"ทักษิณ"คำรบสอง แต่นายกฯ ยังคงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน และยังยืนยันที่จะเป็นประธานการจัดงานฯ สวนมติที่ประชุมองคมนตรี
อีกทั้ง"ทักษิณ" ยังท้าทายยืนยันการเป็นประธานการจัดงานฯ แม้จะทำตัวนายกรัฐมนตรีจรจัด ตระเวนทัวร์นกขมิ้น เพียงเพื่อรักษาฐานอำนาจและดันทุรังจัดการเลือกตั้งปาหี่ต่อไป

วิกฤตความรุนแรง ส่อเค้าเป็นจริงมากขึ้น เมื่อพล.ต.อ.ชิดชัย สนองนโยบายน้องแม้ว ด้วยการเดินหน้าทุกวิถีทางที่จะกำหราบม็อบกู้ชาติ โดยล่าสุดสั่งให้ฝ่ายกฏหมายศึกษาอยู่ว่าการกระทำที่กระทบต่อสิทธิผู้อื่นของกลุ่มพันธมิตร ทั้งในเรื่องของการกีดขวางการจราจร และการใช้เครื่องขยายเสียงรบกวนการทำงานเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล และเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ ว่าจะมีมาตรการทางกฎหมายอย่างใดบ้างในการเอาผิดได้บ้าง เสมือนเป็นการราดน้ำมันบนกองเพลิง จึงไม่แปลกเลยหากสถานการณ์ความรุนแรง อาจเกิดขึ้นได้ในทุกนาที เพราะฝีมือรัฐบาลไม่นับรวมการเกณฑ์กลุ่มผู้ชุมนุมระดับรากหญ้า ตามหัวหัวเมืองต่างๆ ออกมาเชลียร์"ทักษิณ" ถึงใจกลางกรุงและปักหลักชุมนุมต่อเนื่องที่สวนจตุจักร จนกว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ลุล่วงไปแล้ว

ขณะที่รักษาการนายกฯ ยังคงหลบเลี่ยงพันธมิตรกู้ชาติ ออกปราศรัยหาเสียงในทางจังหวัด แต่ไม่วายปลุกระดมโจมตีกล่าวหาแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมกู้ชาติไปต่างๆนานา ทั้งที่ปริมาณและคุณภาพคนไม่เอาด้วย"ทักษิณ"เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ การยื้อเวลา เพื่อรักษาอำนาจต่อไป จนถึงวันเลือกตั้ง เสมือนเป็นระเบิดเวลา ที่รอวันปะทุเท่านั้น และเกือบกลายเป็น"น้ำผึ้งหยดเดียว" เมื่อตำรวจในสังกัดศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าบช.น. บุกเข้ายึดหนังสือ หยุดระบอบทักษิณ ที่เขียนโดย แก้วสรร อติโพธิ และ ขวัญสรวง อติโพธิ จำนวน 2 หมื่นเล่ม ขณะเตรียมนำแจกกลุ่มผู้ชุมนุมกู้ชาติ โดยผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ทำราวกับเป็นตำราเผยแพร่ลัทธิทางการเมืองแบบใหม่ อันเป็นภัยต่อความมั่นคง แม้ล่าสุดจะยินยอมคืนหนังสือเพราะไม่เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่อาจถูกฟ้องกลับฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและชิงทรัพย์ ลางร้ายกลุ่มที่เห็นเด่นชัด จนหวิดเกิดการปะทะระหว่างกลุ่มพลังประชาชนเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญนำโดย ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และสมาชิกกว่า300คน กับพันธมิตรกู้ชาติ เมื่อกลุ่มของร.ต.ฉลาด เดินทางมายังทำเนียบ เพื่อยื่นหนังสือถึง รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้จับกุมเครือข่ายพันธมิตร ฐานก่อให้เกิดความวุ่นวาย อันเป็นการละเมิดกฎหมาย ล้มล้างประชาธิปไตย

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ กับบทวิเคราะห์ของอาจารย์โหรชื่อดัง"ร.ต.สัมฤทธิ์ เกลาเกี้ยง" อดีตโหรประจำตัวนายกฯ จรจัด ซึ่งได้ทำนายสถานการณ์บ้านเมือง ภายหลังคนบ้าใช้ค้อนเข้าไปทุบรูปปั้นท้าวมหาพรหม บริเวณสี่แยกราชประสงค์จนรูปสักการะองค์ดังกล่าวแตกว่า ถือเป็นสัญญาณการเกิดลางร้ายของประเทศ โดยเฉพาะภายหลังเกิดเหตุผู้ลงมือก่อเหตุถูกรุมประชาทัณฑ์จนตายยิ่งตอกย้ำการสังเวยด้วยเลือดบนสถานการณ์การเมืองอันคุกรุ่น ชี้ถ้านายกไม่ลาออก มีนองเลือดแน่นอน!!!

" เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลชุดนี้ และท่ามกลางกระแสการเมืองอันปั่นป่วนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงนายกรัฐมนตรีรักษาการด้วย และโดยเฉพาะการกระทำในครั้งนี้ผู้ก่อเหตุเป็นคนวิกลจริต แถมเมื่อลงมือแล้วก็ถูกรุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต ถือเป็นสิ่งไม่เป็นมงคลยิ่ง เพราะเป็นการสังเวยด้วยเลือด"โหรชื่อดังกล่าว

4-5 เหตุผลที่หยิบยกนำกล่าวอ้าง ถือเป็นลางร้าย ที่ส่อเค้านำไปสู่ความรุนแรงได้ทั้งสิ้น แม้ว่าสังคมจะภาวนาไม่อยากให้เกิด แต่หากตัวปัญหาอย่างทักษิณ ยังไม่ยอมไขก๊อกลาออก พยายามยื้อเวลาเพื่อรักษาฐานอำนาจตัวเอง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรหลอมใจเป็นหนึ่งเดียว ตกผลึกทางความคิด โดยมีเจตนารมย์เดียว คือทักษิณออกไป หากเมื่อไรที่สถานการณ์สุกงอม เต็มที่ ความอดทนถึงจุดสุดกลั้น การเผชิญหน้าก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง......

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์