พ่อป้ายขอความเป็นธรรม-หลังลูกถูกตร.ยิงเกือบพิการ
วันนี้ ( 9 พ.ย. ) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากประชาชนว่ามีชายวัยกลางคนมาเดินถือป้ายเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ลูกชายถูกยิงอยู่ที่หน้าตลาดเจ้าพรหม ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่าชายดังกล่าวชื่อนายณัฐวัฒน์ โอฬารพงษ์สุข อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 129/90 ม. 1 ต.วังจุฬา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังยืนถือป้ายกระดาษขนาดกว้าง 70 ซ.ม. ยาวเกือบ 150 ซ.ม. โดยแผ่นป้ายดังกล่าวมีข้อความว่า “ลูกชายผม โดนตำรวจยิงข้างหลัง โดยที่ไม่มีอาวุธ มือเปล่าๆ ตำรวจไม่มีความผิดเพราะยัดข้อหาให้ โดยไม่มีความละอายใจ และไม่มีการพิสูจน์ความจริง “
นอกจากนี้ยังมีป้ายที่ติดอยู่ข้างรถยนต์ปิกอัพดัดแปลงเป็นรถตู้ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ถฎ 6646 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่ใกล้ๆ มีป้ายข้อความติดอยู่รอบคันลักษณะเดียวกัน และมีรูปของนายวิศรุติ โอฬารพงษ์สุข อายุ 24 ปีลูกชายที่ถูกยิงติดอยู่ด้วยในลักษณะที่นอนอยู่บนเตียง โดยนายณัฐวัฒน์ เดินไปตามถนนพร้อมกับตีถาดที่ใช้สำหรับวางบนกิโลตีร้องเรียกความสนใจไปด้วย
นายณัฐวัฒน์ เปิดเผยว่า เมื่อสองปีก่อนลูกชายเข้าไปที่บ้านร้างหลังหนึ่งในอ.วังน้อย ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่ใกล้กับบ้านของตำรวจนายหนึ่ง สภ.วังน้อย ขณะที่เดินอยู่หลังบ้านได้ถูกตำรวจดังกล่าวยิงเข้าที่สะโพกด้านหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากตำรวจคิดว่าเป็นขโมย แต่เมื่อมีการสืบสวนสอบสวนแล้ว ศาลยกฟ้องลูกชายในข้อหาบุกรุกที่ตำรวจนายดังกล่าวแจ้ง ตนจึงร้องขอความเป็นธรรมและมีการตั้งข้อหาตำรวจดังกล่าวข้อหาพยายามฆ่า แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีการมาดูแลลูกชายของตน ทั้งที่ขณะนี้ลูกชายของตนยังยืนไม่สะดวก และต้องออกจากงานที่โรงงาน และปัจจุบันไปเป็นคนงานอยู่ที่โครงการพระราชดำริ จ.กาญจนบุรี ซึ่งสาเหตุที่ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพียงเพื่อให้ตำรวจนายดังกล่าวออกมารับผิดชอบ ช่วยเหลือ เพราะทุกวันนี้ลูกชายของตนยังไม่ได้ผ่ากระสุนออกเลย เนื่องจากไปที่รพ.พระนครศรีอยุธยา ก็บอกว่าต้องไปรักษาที่รพ.ซึ่งมีแพทย์เชี่ยวชาญ และต้องใช้เงินมาก จึงไม่มีเงินรักษา ตนซึ่งมีอาชีพรับจ้างต้องใช้เวลาว่ามาเดินร้องเรียนอย่างนี้เป็นเวลา 1 ปีแล้ว และไปร้องมาทุกหน่วยงานคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช. ) คณะกรรมาธิการตำรวจ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งก็ยังไม่ได้รับความเป้นธรรม จึงต้องเดินต่อไป จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมในที่สุด