รวบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พัวพันทีมอุ้มสาวซี8สอบเครียด
จากกรณีที่กลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คน อุกอาจบุกอุ้มนางสาวเพลินตา ประดับสุข อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก (ข้าราชการ ซี 8 ) ไปจากบ้านพักเลขที่ บ้านเลขที่ 459/470 หมู่ที่ 7 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก และบังคับพาขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ ยกสูง หมายเลขทะเบียน กธ- 1945 พิษณุโลก ซึ่งเป็นของผู้เสียหายแล้วขับรถหลบหนีไม่ทราบทิศทาง เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (5 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกันอุ้มตัว นางสาวเพลินตา ไปกรรโชกทรัพย์ได้แล้ว 1 คน ทราบชื่อคือ นายพัฒนา บริการ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 9 ต.วังตระกรู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำหน่วยพิทักษ์ป่าล้อม อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก
ในเบื้องต้นนายพัฒนา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รู้จักกับ นายเอก ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ได้โทรศัพท์มาหาตนเองว่า จะหาคนไปพักค้างคืนให้ช่วยหาที่พักให้ ตนจึงได้ไปเตรียมบ้านพักในหน่วยป่าไม้บ้านดง จนกระทั้งเวลา 13.00 น.ของวันที่ 3 พ.ย. นายเอกได้พาเพื่อนชายซึ่งไม่ทราบชื่อมาอีกจำนวน 2 คน และหญิงสาวอีก 1 คน ก็คือ นางสาวเพลินตา
โดยนายเอกได้เล่าให้พักว่า ได้จับตัวนางสาวเพลินตา มาเพื่อเรียกทรัพย์สิน จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้นำบัตรเอทีเอ็มของนางสาวเพลินตาออกไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มใน อ.ชาติตระการ จำนวน 40,000 บาท และนำมาแบ่งให้ตนเองจำนวน 10,000 บาท จากนั้น นายเอกและเพื่อนได้พานางสาวเพลินตาออกจากบ้านพักป่าไม้หน่วยบ้านดง ทราบเพียงว่าจะมุ่งหน้าไป จ.กำแพงเพชร จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมมาสอบสวน
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ให้ได้นำรูปของนายกิตติศักดิ์ คงอาจหาญ หัวหน้าทีมอุ้มในครั้งนี้ออกมาให้ดู ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันที่พานางสาวเพลินตา มาที่บ้านพัก และรูปถ่ายของกลุ่มผู้ต้องหาอีกสองคนมาให้นายพัฒนายืนยัน สามารถยืนยันได้ตรงกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานในการออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 ราย คาดว่ากลุ่มผู้ต้องหายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่ภาคกลางซึ่ง นางสาวเพลินตา ยังคงปลอดภัยอยู่
ส่วนบรรยากาศภายในบ้านพักเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงสุนัข 2-3 ตัวอยู่ภายในรั้วบ้านที่หน้าบ้านพักหลังดังกล่าว เมื่อสุนัขเห่าเสียงดังไปทั่วบริเวณ นางฉลวย ห้าวเจริญ อายุ 87 ปี ซึ่งเป็นน้าสาวของ น.ส.เพลินตา ได้เดินออกมาที่บริเวณหน้าบ้านโดยที่ไม่ได้เปิดรั้วบ้านพัก ก่อนที่จะสอบถามถึง น.ส.เพลินตา ด้วยความเป็นห่วงและใจคอไม่ดีว่า เป็นอย่างไรบ้างเจอ น.ส.เพลินตา หรือไม่ เพราะขณะนี้นั้น ตนรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
เนื่องจาก น.ส.เพลินตา ได้หายไปเฉยๆ เป็นเวลา 3 วันแล้ว ซึ่งตนก็รอฟังข่าวอย่างเดียว เพราะเนื่องจากไม่สามารถออกไปตามได้เพราะอายุมากแล้วเวลาใครมาหาก็จะคอยถามตลอดว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้ข่าว น.ส.เพลินตา ไหม ว่าอยู่ไปหนเป็นอย่างไรบ้าง
นางฉลวย กล่าวต่อไปอีกว่า ปกติแล้ว น.ส.เพลินตา จะออกไปทำงานแล้วจะกลับบ้านช้าหรือเร็วนั้น ก็แล้วแต่เจ้าตัว เพราะว่า น.ส.เพลินตามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเยอะ แต่วันแรกที่ไม่กลับบ้านก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอวันที่ 2 นึกว่าจะกลับก็ยังไม่กลับ จนวันที่ 3 จึงรู้สึกว่าใจคอไม่ดีแล้วอยากให้ น.ส.เพลินตา กลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันเหมือนเดิม