ยอดตายปะทะเดือดรัฐยะไข่พม่าทะลุ88 ศพ
วันนี้ ( 29 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองชิตตเว ประเทศพม่าว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะรุนแรงครั้งล่าสุดในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า อยู่ที่อย่างน้อย 88 ศพ บาดเจ็บอีก 129 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน ขณะที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แสดงความกังวลต่อการเกิดวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชน เนื่องจากเหตุความขัดแย้งระหว่างชาวพม่า กับชาวมุสลิมโรฮิงญา ทำให้ประชาชนอีกอย่างน้อย 28,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย
รัฐบาลพม่าแถลงตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดในวันนี้ ว่าอยู่ที่อย่างน้อย 88 ศพ แบ่งเป็นชาย 49 ศพ หญิง 39 ศพ ขณะที่ยอดรวมผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่อย่างน้อย 180 ศพแล้ว โดยบ้านเรือนประชาชนกว่า 300 หลังในเมืองป๊อกตอว์ ถูกเผาทำลายจนเสียหายยับเยิน เมื่อวันอาทิตย์ แม้ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่บรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนต่างประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกแน่นอนในเร็ววันนี้ พร้อมกับเรียกร้องทางการพม่าให้ดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์รุนแรงอันยืดเยื้อดังกล่าว
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า ชนวนเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ที่บานปลายถึงขั้นนองเลือด มาจากการที่สตรีชาวพม่ารายหนึ่งถูกข่มขืนแล้วฆ่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.
ในวันเดียวกัน นายอัสฮอค นีแกม ผู้ช่วยผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงประเมินตัวเลขประชาชนที่ต้องอพยพไปยังค่ายผู้ลี้ภัย หลังเกิดเหตุความไม่สงบระลอกใหม่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ว่า เพิ่มเป็นกว่า 28,000 คนแล้ว ส่งผลให้จำนวนผู้อพยพในค่ายผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 75,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรงฮิงญา ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในรัฐยะไข่
นอกจากนี้ นีแกมแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งว่า เหตุปะทะรุนแรงที่มีสาเหตุจากความขัดแย้งทางชาติพันธุ์จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศที่เพิ่งเริ่มต้น ของรัฐบาลพม่าชุดปัจจุบันอย่างแน่นอน