ไร้เงา2สามีภรรยายากเอาผิดหมอสุพัฒน์
ภาพจาก คมชัดลึก
กว่า 1 เดือน ที่ตำรวจพยายามติดตามหาศพ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา ซึ่งได้หายตัวไปจากบ้านพักพร้อมรถโตโยต้าสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บฉ 5960 เพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2552 จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของนายสามารถ ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.นนทบุรี ว่าพบรถกระบะของทั้งสองที่หายตัวไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จอดอยู่ที่บ้านร้างบ้านเลขที่ 125/53, 125/2 ชุมชนศิริโชติ ซ.กรุงเทพ-นนท์ 1 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์แผนกอายุรกรรมโรงพยาบาลตำรวจ
ทำให้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของสองสามีภรรยาทันที ปฏิบัติการสืบสวนหาความจริงก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นจากปมมรดกระหว่างพี่ชายและน้องชาย โดยพี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นผู้แจ้งเบาะแสการพบรถให้ครอบครัว "นุ่มจุ้ย" ได้ทราบ และได้มีการขุดค้นพบโครงกระดูก 3 โครงที่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ตั้งอยู่ใน ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
นายสว่าง เชื่อว่า ว่าเป็น 1 ใน 3 โครงกระดูกที่พบเป็นโครงกระดูกลูกชายที่หายตัวไป แต่ผลการตรวจพิสูจน์เป็นเพียงกระดูกของแรงงานต่างด้าวที่เคยทำงานอยู่ในไร่ หลังจากขุดพบโครงกระดูกและค้นพบอาวุธปืนในบ้านและในไร่ดังกล่าว ชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดเพชรบุรี ออกหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และน.ส.วิลสา จันทรบัญชร ในข้อหาร่วมกันกักขังทำให้ผู้อื่นขาดอิสรภาพ และร่วมกันลักทรัพย์หรือมีไว้ซึ่งของโจร
จนกระทั่งจับกุม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่หาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี โดยผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด แต่ถูกกลั่นแกล้งจากคนรู้จัก ทุกวันนี้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ยังอยู่ต่อสู้คดีในเรือนจำ และต่อมาได้จับกุมตัว น.ส.วิลสา ที่บ้านพักย่านคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เธอให้การว่าได้ยินแต่เสียงปืนเท่านั้น
ระหว่างที่ น.ส.วิลสา ถูกควบคุมตัวได้ฝากจดหมายเขียนระบายความในใจถึงสื่อมวลชนทำนองว่า ถูกสอบปากคำด้วยการพูดจาโน้มน้าวให้ปรักปรำและใส่ร้าย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวของนายสามารถและน.ส.อรษา โดยตำรวจได้พูดจาข่มขู่ทุกรูปแบบนานนับสิบชั่วโมง จนไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะได้ จึงได้ตอบคำถามตามที่พนักงานสอบสวนพูดนำ เมื่อพนักงานสอบสวนพอใจ จึงให้เซ็นชื่อว่าเป็นคำให้การของตัวเอง ทั้งที่ยืนยันไปหลายครั้งแล้วว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นการหายไปของสองสามีภรรยา
ขณะที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ระหว่างที่ถูกคุมขังในเรือนจำได้เขียนจดหมายฝากถึงสื่อมวลชน โดยฝากมากลับลูกชาย นายเอก เลาหะวัฒนะ ซึ่งเข้าไปเยี่ยมในเรือนจำ เนื้อหาในจดหมาย ระบุทำนองว่า มีปัญหากับนายสุเทพ พี่ชายเรื่องมรดกของครอบครัว ที่ผ่านมาได้ช่วยนายสุเทพมาตลอด ไม่เชื่อว่าจะนำเรื่องไปเกี่ยวกับนายสามารถจนเป็นเรื่องราว ส่วนครอบครัวของนายสว่าง และนายสามารถ ก็มีแต่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งทางการเงินและฝากบุตรสาวเข้าทำงานโรงพยาบาลตำรวจ
ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนยังเดินหน้าขุดค้นโครงกระดูกในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ตามคำให้การของพยาน นอกจากนี้ ยังเรียกอดีตคนงานในไร่อีกหลายคนมาสอบปากคำ พร้อมกับขอหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี เข้าตรวจค้นในไร่กว่า 10 ครั้ง แต่ก็ไร้วี่แววที่จะพบสองสามีภรรยาที่หายตัวไป จนสุดท้ายศาลจังหวัดเพชรบุรีไม่อนุญาตให้ตำรวจขุดค้นหาศพ และหลักฐานในไร่อีก เนื่องจากศาลเห็นว่า ตำรวจขุดมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก
คดีการหายตัวไปของสองสามีภรรยา เริ่มมาถึงทางตัน เนื่องจากพยานทั้งหมดยังไม่มีใครชี้ชัดฟันธงว่าเห็น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ สังหารสองสามีภรรยา มีแต่ชี้ชัดถึงการเสียชีวิตของแรงงานต่างด้าวทั้ง 3 ศพ ส่วนพยานวัตถุ หรือพยานทางนิติวิทยาที่มีอยู่ ก็ยังไม่สามารถสรุปหรือชี้ชัดได้ งานนี้สงสัยชุดสืบสวนต้องเหนื่อยหนักในการสืบหาพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอให้ศาลเชื่อได้ว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นผู้กระทำผิดจริง!!
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!