ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา นายนฤชา เพ่งผล อดีตดีเจ.จัดรายการชื่อดัง"จิ๊กโก๋ยามบ่าย" ผู้ที่แนะนำเอ๋เข้าสู่วงการนักร้อง กล่าวว่า นางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ มารดาของเอ๋ ติดต่อมาร้องห่มร้องไห้เพราะไปยื่นเอกสารที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ไม่สามารถยื่นได้ เพราะพ่อของเอ๋ยังมีชีวิตอยู่ต้องเซ็นมอบอำนาจมาก่อน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนำศพกลับเมืองไทย ตนกับนายวิเชียร อัศว์ศิวะกุล ผู้บริหารค่ายนิธิทัศน์ จะรับผิดชอบทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทางครอบครัวของเอ๋-พัชรา ได้ปรึกษาเกี่ยวกับการยื่นเอกสารครั้งนี้หรือเปล่า นายนฤชากล่าวว่า เคยเตือนแม่กับพี่ชายของเอ๋ไปว่าในเมื่อทางโน้นระบุมาแล้วว่าเป็นการผูกคอตาย ไม่ได้เป็นการฆาตกรรม ก็ให้เป็นไปตามที่ทางโน้นบอกมา อย่าพูดเยอะเพราะถ้าเกิดพูดเยอะ จะเป็นเหมือนการไม่ให้เกียรติทางโน้น เขาจะแจ้งความหมิ่นประมาทเอาได้ เพราะที่จริงแล้วเอ๋ตกงานมา 3 เดือน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน เจ้าของบ้านเขาให้อยู่ต่อแต่ให้เอ๋ดูแลพ่อของเขาซึ่งอายุกว่า 80 ปีเป็นการแลกเปลี่ยนแทนค่าเช่า
ต่อข้อถามเรื่องที่เอ๋-พัชราตกงาน ทางครอบครัวของอดีตนักร้องดังทราบหรือเปล่า นายนฤชากล่าวว่า เรื่องนี้ทางบ้านของเอ๋ไม่ทราบเลย แม่เอ๋เล่าให้ฟังว่าตอนแรกส่งเงินกลับมาให้ที่บ้านเดือนละ 1 หมื่น แต่มาช่วงหลังนี้ส่งเงินมาให้เดือนละ 5 พันบาท เพื่อนๆ ของเอ๋ ที่ร้องเพลงอยู่ที่โน่นด้วยกัน เขาเล่าให้ฟังว่าเอ๋ไปอยู่ที่โน้นไปร้องเพลงในร้านอาหารเล็กๆ แล้วตอนหลังตกงาน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เราไม่รู้ว่าเอ๋เก็บกดอะไรหรือเปล่า
"ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ ผมและคุณวิเชียรเป็นคนรับผิดชอบเอง ตั้งใจว่าจะจัดให้สมเกียรติ และจัดเป็นคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินไว้เป็นกองทุนช่วยนักดนตรี นักร้อง ยามฉุกเฉิน แต่ต้องเป็นนักร้องนักดนตรีที่มาลงทะเบียนในงานวันนั้น ที่ทำแบบนี้ เราเห็นจากกรณีของเอ๋ ที่พอเสียชีวิตไป ที่บ้านก็ไม่มีเงินพอที่จะนำศพลูกสาวตัวเองกลับมาบ้าน เราก็เอาเงินตรงนี้ไปช่วยเหลือ แต่รายละเอียดเรายังไม่ได้คุยกันครับ ตอนนี้รอให้ศพของเอ๋กลับมาก่อนค่อยว่ากัน" นายนฤชากล่าว
ด้านนางศรีสุดารัตน์กล่าวว่า เตรียมเอกสารยื่นใหม่แน่นอน แต่คงอีก 2-3 วัน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบ แต่ตอนนี้ขอตัวไม่อยากพูดอะไรมาก