กี้ร์ ปัดล้มประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา

วันนี้ (17 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้สืบพยานจำเลยครั้งแรก คดีดำ อ.4177/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย อริสมันต์ หรือกี้ร์  พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 และ 332  โจทก์ฟ้องระบุความผิดว่า

เมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค.52 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้กล่าวปราศรัยให้ประชาชนทั่วไปฟังและชมการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชลแนล ทำนองว่า โจทก์และรัฐบาลภายใต้การนำของโจทก์ ทุจริตคอรัปชั่น โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่เลวทรามต่ำช้า จิตใจอำมหิต สั่งทหารใช้อาวุธสงครามฆ่าประชาชน และเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคำปราศรัยของจำเลยล้วนแล้วแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง  เหตุเกิดที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร และหน้าทำเนียบรัฐบาล ถ.พิษณุโลก แขวงและเขตดุสิต และทั่วราชอาณาจักร

โดยในวันนี้นายอริสมันต์  เดินทางมาเบิกความถึง เหตุการณ์การทำรัฐประหาร พ.ศ.2549 เป็นเหตุให้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวกันในนาม นปช. เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ซึ่งเข้ามาเป็นรัฐบาลเมื่อปี 2552 ยุบสภา ลาออก  และจัดเลือกตั้งทั่วไป  เนื่องจากเป็นรัฐบาลทหาร มีการแบ่งปันผลประโยชน์ หรือที่เรียกว่าแบ่งเค้ก ทางการเมือง

สำหรับเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.53 ที่กลุ่ม นปช.เดินทางไปพัทยาขณะที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น ก็เพื่อไปยื่นหนังสือถึงตัวแทนอาเซียนมีใจความทำนองว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯที่ไม่ชอบธรรมไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แต่เป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร   แต่ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังจะเดินทางกลับ เมื่อมาถึงบริเวณสามแยกพระตำหนัก ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ ใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้ามาขัดขวาง จนเกิดการปะทะขึ้น โดยชายฉกรรจ์ได้ขว้างปาก้อนหินมาที่รถของคนเสื้อแดง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ตนจึงแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พัทยา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย  รวมทั้ง มีการยึดเสื้อสีน้ำเงินจากกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ  1,000 ตัว รวมทั้ง ท่อนไม้ แป๊บเหล็ก หนังสติ๊ก ระเบิดปิงปอง  จำนวนมาก

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า  เหตุการณ์ที่พัทยา ไม่มีการไล่ล่าตัวนายอภิสิทธิ์เพื่อจะมาทำร้าย แต่อย่างใด และเชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจากที่เสื้อมีข้อความสกรีนด้านหน้าว่าปกป้องสถาบัน ส่วนด้านหลังมีข้อความว่าสงบ สันติ สามัคคี ซึ่งเป็นนโยบายของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยขณะนั้น  นอกจากนี้ ยังมีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งรวมอยู่ด้วย

ต่อมาวันที่ 11 เม.ย.53 ตนได้ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้นำตัวผู้กระทำความผิดจากเหตุการณ์การปะทะกันกับกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินมาลงโทษ
ก่อนที่ในวันที่ 12-13 เม.ย.53 จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่กทม . ส่วนเรื่องคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ ที่มีเนื้อหาว่าให้ทหารสร้างสถานการณ์ เข่นฆ่าประชาชนที่จำเลยนำไปพูดปราศรัย เพราะขณะนั้นเชื่อว่าเป็นคลิปเสียงจริง เนื่องจากเป็นเสียงของนายอภิสิทธิ์จริง และก็ได้รับมาจากนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจ.อุดรธานี สำหรับเรื่องการทุจริตของรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้น ตนในฐานะนักการเมืองเพียงพูดวิจารณ์ ติชม การทำงานของรัฐบาล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งก็ทำให้บางโครงการต้องยุติ เช่น โครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000  คัน และรมว.หลายคนต้องลาออก หรือตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พยานเบิกความแล้วเสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยครั้งต่อไป วันที่ 18 ต.ค.เวลา 09.00 น.