ศาลอุทธรณ์สั่งศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องใหม่ คดีนปช.ฟ้องอดีตอัยการสูงสุด
ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. วันนี้ (12 ต.ค.) ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.4373/2552 คดีแดง อ.4125/2552 ที่นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนาภูมิไท นพ.เหวง โตจิราการ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ เป็นโจทก์ที่ 1-8 ตามลำดับ ฟ้องนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานกระผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
คดีนี้โจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1-14 ส.ค.2552 จำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในขณะนั้น และจำเลยที่ 2 เป็นรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ที่สั่งไม่ฟ้องจำเลยกับพวกรวม 15 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
กรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 พวกโจทก์นำกลุ่ม นปช.ไปชุมนุมก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 อย่างไรก็ตามคดีนี้ศาลอาญาพิจารณาคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งไม่รับฟ้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลอาญารับคดีโจทก์ไว้พิจารณาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องด้วย
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่อัยการจะใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยคดีไปในทางใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละบุคคลและต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย ซึ่งบรรยายฟ้องของโจทก์นั้นเข้าองค์ประกอบว่า จำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น จึงพิพากษากลับให้ศาลอาญาทำการไต่สวนมูลฟ้องใหม่ และมีคำสั่งคดีต่อไป.