รองผบ.ตร.ยันคดี หมอสุพัฒน์ไม่เปลี่ยนชุดสอบสวน

รองผบ.ตร.ยันคดี หมอสุพัฒน์ไม่เปลี่ยนชุดสอบสวน


“ปานศิริ” ลั่น ไม่เปลี่ยนทีมพนักงานสอบสวนคดี “หมอสุพัฒน์” ขณะที่ ผกก.ท่าไม้รวก เดินหน้าประสานสถานทูตเมียนมาร์ หลังพ่อ “นายต้า” ขอรับศพลูกชายกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ด้าน “นายโหย่ง” เปิดใจแฉนาทีรอดชีวิต

จากกรณีการหายตัวไปของสองสามีภรรยาเจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี จนกลายเป็นศึกสายเลือด ตระกูล “เลาหะวัฒนะ” ระหว่าง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ กับนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย โดยปมเหตุมาจากเรื่องทรัพย์สมบัติของนางถนิม เลาหะวัฒนะ ผู้เป็นมารดา ที่ทั้งสองฝ่ายต่างนำหลักฐานออกมาแฉตอบโต้กันไปมา ขณะที่การค้นหาศพของสองสามีผู้สูญหายเริ่มมืดบอดเนื่องจากไม่พบเบาะแสใดๆ เพิ่มเติม แต่ล่าสุดผลพิสูจน์โครงกระดูกจาก ภาควิชานิติเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันโครงกระดูกโครงหนึ่งที่พบในไร่หมอสุพัฒน์คือนายต้า แรงงานชาวพม่า อีกทั้งตำรวจได้นำนายโหย่งแรงงานชาวพม่าด้วยกันที่อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์วันที่นายต้าถูกฆ่าตายมาชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานตั้งข้อหาฆาตกรรมกับหมอสุพัฒน์เพิ่มอีกหนึ่งข้อหานั้น


ความคืบหน้าวันนี้ ( 11 ต.ค.)  ที่ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก ได้นำตัวนายซอแงเล หรือนายโหย่ง อดีตคนงานชาวพม่าที่อ้างว่าถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ทำร้ายร่างกายพร้อมกับนายอีต้า หรือต้า มาสอบปากคำ โดยนายโหย่ง ให้การอ้างว่า เหตุที่เกิดขึ้นเพราะหมอหึงหวงเนื่องจากพบเห็นนายอีต้าเข้าไปนอนดูทีวีภายในห้องนอนของนางสาววิลสา ภรรยาคนที่ 3 ของหมอ จนกระทั่งหมอได้ให้คนงานมาเรียกนายอีต้าไปพบ แต่ระหว่างนั้นตนตื่นขึ้นมาเห็นเข้าทำให้ถูกเรียกตัวไปด้วย จากนั้นพวกตนทั้งคู่ถูกหมอซ้อม โดยมีนายกะลาเป็นคนใช้ผ้าขาวม้ารัดคอจนสลบไป เมื่อตนตื่นขึ้นมาเห็นหมอถือปืนยาวอยู่ คิดว่าไม่ปลอดภัยแน่ เลยหาจังหวะช่วงที่หมอเผลอวิ่งหนีเข้าไปซ่อนตัวในไร่ข้างๆ ก่อนจะหลบหนีกลับไปประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่ปี 48 แล้ว

 “ช่วงที่ถูกรัดคอไม่กี่นาทีก็สลบไปเมื่อรู้สึกตัว คิดว่าถ้าเรายังอยู่ต้องตายแน่ จึงตัดสินใจวิ่งหนี ช่วงที่วิ่งไปสังเกตเห็นว่านายอีต้าสลบอยู่ ไม่ได้มองซ้ายหรือขวา พอได้สติก็ตัดสินใจวิ่งหนีอย่างเดียว ส่วนสาเหตุที่มาทำงานกับหมอสุพัฒน์ เนื่องจากครอบครัวยากจน เมื่อทราบจากญาติว่าหมอจะให้มาทำงานที่ไร่ก็ดีใจ โดยหมอได้ขึ้นไปรับที่ อ.แม่สอด จ.ตาก บอกว่าจะให้ค่าจ้างเดือนละ 2,000 บาท แต่ระหว่างทำงานในไร่ของหมอมาเกือบ 1 ปี กลับไม่เคยได้ค่าจ้าง ชีวิตความเป็นอยู่ก็ลำบากมาก ลำบากยิ่งกว่าอยู่ที่บ้านเกิดอีก ซึ่งนานๆ ครั้ง หมอจะให้เงินใช้บ้างครั้งละ 100-200 บาท มาทราบภายหลังว่าต้องทำงานให้หมอนานถึง 1 ปี 6 เดือนก่อน ถึงจะได้รับเงินเดือน หากรู้อย่างนี้คงไม่มาทำงานแน่” นายโหย่ง ระบุ

นายโหย่ง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเพื่อนคนงานชาวพม่ามาทำงานในไร่พร้อมกับตนรวม 4 คน อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ทำงานอยู่ในไร่หมอก็ไม่ได้ทำรุนแรงกับตน มีเพียงครั้งเดียวก็คือครั้งที่โดนกับนายอีต้า โดยอยากฝากถึงผู้ที่เคยถูกหมอกระทำให้มาแจ้งข้อมูลกับตำรวจได้ไม่ต้องกลัว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลให้ความปลอดภัยอย่างดี รวมถึงพี่น้องชาวพม่าที่ทำงานแล้วไม่ได้รับค่าแรงด้วยก็ขอให้เข้ามาให้ข้อมูลตำรวจด้าน พ.ต.อ.สมเดช กล่าวว่า

ขณะนี้ขอเวลาให้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียดก่อน หากถามว่าเมื่อใดตำรวจจะออกหมายจับหมอสุพัฒน์ในข้อหาฆ่าคนตายได้ ต้องเรียนว่าตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องรอบคอบถึงจะดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ขึ้นอยู่กับคณะทำงานด้วย อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนและตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีจะมีการประชุมกันในวัน 12 ต.ค.นี้

ขณะที่ พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก กล่าวว่า ในวันที่ 12 ต.ค. ทางตำรวจจะนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไปประสานกับสถานทูตเมียนมาร์เพื่อขอความร่วมมือในหลายๆ เรื่อง เช่น การอำนายความสะดวกในการนำตัวพยานรายอื่นๆ ที่พยานบางรายระบุว่าเคยทำงานในไร่หมอสุพัฒน์มาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงการนำโครงกระดูกของนายต้าไปมอบให้กับครอบครัว ซึ่งนายปิเอพ่อของนายต้าได้ประสานมาแล้วว่าต้องการนำศพลูกไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และเท่าที่ได้คุยกับนายปิเอทราบว่าครอบครัวนี้มีนายต้าเป็นลูกชายคนเดียว แม่ของนายต้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนนายต้ามีภรรยา 1 คน หลังจากที่นายต้าหายไป ภรรยาก็ไปมีสามีใหม่ ทั้งนี้ในวันที่นายปิเอทราบว่าโครงกระดูกเป็นของลูกชายที่หายตัวไป เจ้าตัวก็ดีใจที่อย่างน้อยเจอศพลูกชายแล้ว และขอให้ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดกับคนที่ฆ่าลูกชายของเขาให้ได้

ช่วงสายวันเดียวกัน พ.ต.ท.หญิง เอกจิตรา มีไชยพร สารวัตรพิสูจน์หลักฐาน จ.เพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี เข้าตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในพื้นที่ ต.กลัดหลวง โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบริเวณที่คาดว่านายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ได้เข้ามาเลื่อยไม้ ก่อนจะหายตัวไปตามคำให้การของพยาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เก็บตัวอย่างดินในไร่เพื่อไปตรวจเปรียบเทียบกับดินที่ติดอยู่ที่ยางรถกระบะของนายสามารถที่พบถูกจอดอยู่ในบ้านร้างของหมอสุพัฒน์ย่าน จ.นนทบุรี เพื่อประกอบในสำนวนคดีร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ ด้วยอีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายเอก เลาหะวัฒนะ อายุ 30 ปี บุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่า ขณะนี้พ่อซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จ.เพชรบุรี ทราบข่าวแล้ว กรณีที่พนักงานสอบสวนเตรียมจะแจ้งข้อหาฆาตกรรมเพิ่มเติม หลังจากทางตำรวจได้นำตัวนายโหย่งแรงงานชาวพม่ามาชี้จุดที่พบโครงกระดูกภายในไร่ของคุณพ่อ แต่คุณพ่อบอกว่ายังไม่ขอให้ข่าวใด ๆ เพื่อจะไปตอบโต้ คงต้องขอดูข้อมูลทั้งหมดจากทางพนักงานสอบสวนก่อน อีกทั้งหากตอบโต้อะไรไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตกับพยานบางรายได้

ที่สภาทนายความ ถนนราชดำเนินกลาง นายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ได้เดินทางเข้าพบนายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความ และนายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฯ และโฆษกสภาทนายความ พร้อมมอบหลักฐานเอกสาร รวมถึงแผ่นซีดี เพื่อขอให้ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่กล่าวหาว่านายสามารถ บุตรชายกับภรรยาไม่ได้เสียชีวิต แต่ถูกจับดำเนินคดีอยู่ที่ประเทศเมียนมาร์ ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง โดยนายสรัลชา กล่าวว่า ขณะนี้ทางสภาทนายความได้รวบรวมพยานหลักฐาน สนับสนุนพนักงานสอบสวนในการทำงาน หากพนักงานสอบสวนเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้องหรืออัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง สภาทนายความก็จะยื่นฟ้องแทน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลงานป้องกันปราบปราม กล่าวถึงกรณีนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เข้ายื่นหนังสือขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนคดีที่บิดาตกเป็นผู้ต้องหา เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดีว่า เรื่องนี้ทาง บช.ภ.7 ได้ตั้งชุดคลี่คลายคดีในรูปของคณะกรรมการ มี พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.บช.ภ.7 และพล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็นรองหัวหน้าชุด ไม่ได้ทำคดีเพียงแค่คนเดียว และวันนี้ตนได้สั่งการอย่างเป็นทางการให้กองปราบปราม (บก.ป.) จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมทีมสืบสวนสอบสวนด้วย

พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีพล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผช.ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานตรวจพิสูจน์หลักฐานควบคุมดูแลอีก ทั้งนี้ พล.ต.ท.หาญพล ได้รายงานคดีนี้ให้ทราบทุกวัน ยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากตนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกกล่าวหาเอง หรือเห็นว่านายตำรวจนายใดที่อยู่ในทีมพนักงานสอบสวนไม่ให้ความเป็นธรรม ก็ขอให้ระบุมาเป็นรายบุคคลหรือในทางลับได้ ซึ่งขณะนี้จะยังไม่เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้แต่อย่างใด “อยากเรียนให้ทราบว่าคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้ดำเนินการมีหลายคดี ไม่ใช่เฉพาะเหตุการณ์การสูญหายของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และภรรยา เพียงอย่างเดียว ยังมีคดีการเสียชีวิตของนายต้า แรงงานชาวพม่าอีกด้วย” พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าว

ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงกรณีนายเอก เลาหะวัฒนะ ลูกชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมสองสามีภรรยาร้องขอให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนเจ้าของคดียกชุดว่า เป็นสิทธิของทางฝ่ายผู้ต้องสงสัย ตนพร้อมที่จะพิจารณาและตรวจสอบให้ หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะดูแลให้ แต่เท่าที่พิจารณาดูตำรวจทำงานตรงไปตรงมา ไม่ได้กลั่นแกล้ง ถ้าไม่มีความผิดตำรวจก็ไปทำอะไรไม่ได้ เป็นธรรมดาที่ทางผู้ต้องหาจะต้องมีเงื่อนไข แต่ตำรวจไม่มีเหตุผลที่ตำรวจต้องไปกลั่นแกล้ง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์