อาชญากรรม เปิดจม.หมอสุพัฒน์แฉกลับพี่ชาย
ลูกชายเผยจดหมาย 9 หน้าเขียนด้วยลายมือ หมอสุพัฒน์ แฉกลับพี่ชายสร้างเรื่อง-จัดฉาก
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. นายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมบิดาที่เรือนจำกลาง จ.เพชรบุรี จากนั้นจึงออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมนำเอกสารที่ระบุว่าเขียนด้วยลายมือของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำนวน 9 หน้าออกมาเปิดเผยด้วย
นายเอกกล่าวว่า บิดาฝากจดหมายที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดออกมา เพราะว่าตอนนี้สื่อนำเสนอข่าวออกในด้านเดียว ก็เลยอยากจะให้รับรู้ในด้านที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์อยากให้รับทราบบ้าง บิดาป่วยเป็นเบาหวานตนจึงต้องนำยามาให้ ตอนนี้พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องคดี ซึ่งจริงๆ แล้วพนักงานสอบสวนน่าจะสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อที่จะมาพิสูจน์ว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือไม่ได้แล้ว เนื่องจากบิดามองว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
สำหรับเอกสารดังกล่าวมีเนื้อความดังนี้
เรือนจำ จ.เพชรบุรี 6 ต.ค.55 : ข้อเท็จจริงกรณีหมอสุพัฒน์
กรณีที่หมอตกเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ สื่อและประชาชนจะมีข้อสงสัยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำไมหมอไม่ออกมาพูด หมอมีพฤติกรรมต้องการให้แม่ตายตามคลิปในโทรทัศน์หรือมีพฤติกรรมเลวร้ายตาม ที่พี่สุเทพกล่าวหาจริงหรือไม่
1. การที่ไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่เชื่อว่า พี่สุเทพจะนำหมอไปเกี่ยวกับนายสามารถเป็นเรื่องราว เพราะโดยส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องขัดใจอะไรที่รุนแรงกับครอบครัวนายสว่าง นายสามารถเลย มีแต่เคยให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับนายสว่างและช่วยเหลือให้บุตรสาวเข้าทำงานใน รพ.ตำรวจ
สิ่งที่สำคัญ คือ ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจาก หมอได้ร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล หากท่านได้ดูคลิปคุณแม่ จะเห็นว่าคุณแม่บอกว่า มันเอาเงินแม่ไปจนหมด ที่ดินก็เอาไปขาย ถ้าขายหมดมันฆ่าแม่แน่ คำพูดทั้งหมดเป็นคำพูดที่แม่พูดถึงหมอ เมื่อหมอไปพบแม่ตามลำพัง คุณแม่มักจะจำชื่อลูกสลับกัน เนื่องจากเป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง หมอจึงได้ไปร้องต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา ในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี พี่สุเทพและนางสุคนธ์ ลูกเลี้ยงได้นำนางถนิมไปพิมพ์มือโอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้าน และโอนย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าวไปจนหมด เป็นเหตุให้ศาลท่านให้อายัดทรัพย์สินของนางถนิมทั้งหมด มิให้มีการโอนย้ายถ่ายเทอีก ทำให้นายสุเทพซึ่งมีปัญหาด้านการเงินมาโดยตลอดเดือดร้อน พี่สุเทพเคยเป็นผู้จัดการบริษัทโฆษณา มีความเชี่ยวชาญด้านสื่อเป็นอย่างมาก
ที่พี่สุเทพเคยให้สัมภาษณ์ว่า หมอเคยเตือนว่าพี่สุเทพชอบเดินทับเส้น หมายถึง ตลอดชีวิตของพี่สุเทพที่ผ่านมา มีพฤติกรรม เบี่ยงเบน ฉ้อฉล คดโกงมาโดยตลอด ทำให้ต้องมีคดีแพ่งและอาญาตลอดมา ถูกไล่ออกจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพราะทุจริต 400 ล้าน มิใช่ลาออกมาดูแลแม่ตามที่พูด (มีหลักฐานเอกสารชัดเจนจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้) ถูกฟ้องคดีอาญายักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน โรงงานว่านหางจระเข้ที่เพชรบุรี ถูกสำนักงานสวัสดิภาพพิทักษ์เด็กและเยาวชนฟ้อง นายสุเทพกู้เงินและถ่ายโอนเงิน 4 ล้านกว่า และอีกหลายคดี
เมื่อปี 2540 แม่ถนิมเริ่มมีอาการสมองเสื่อม คนรอบข้างรวมทั้งพี่สุเทพ เริ่มยักย้ายถ่ายโอนเงินในบัญชีคุณแม่ไปใช้ (มีหลักฐานอยู่ในศาล)
ปี 2545 คุณแม่พบว่าเงินหมดบัญชี ได้มอบอำนาจให้หมอไปตรวจสอบเงินในบัญชี พบว่า คนรอบข้างได้ยักย้ายถ่ายโอนเงินจากบัญชี โดยเฉพาะพี่สุเทพ เอาเงินไปถึง 2 ล้านบาท คุณแม่เมื่อทราบเรื่องร้องไห้เสียสติ ต้องเข้าโรงพยาบาล คุณแม่มอบอำนาจให้หมอดำเนินดคีกับผู้เกี่ยวข้อง แต่หมอเห็นว่า ทุกคนล้วนเป็นคนใกล้ชิด โดยเฉพาะพี่สุเทพจึงแจ้งกับทุกคนว่า พอได้แล้วนะ หยุดได้แล้ว
ปี 2553 พี่สุเทพยังคงพิมพ์มือคุณแม่ไปโอนที่ดินเป็นบ้านของแม่พ่อที่ซอยเย็นอากาศเป็นของตนเองจนคุณแม่ฝังใจว่ามันโอนเงินโอนที่แม่ไปจนหมด แม่ต้องตายแน่
จุดสำคัญที่หมอไปร้องขอเป็นผู้อนุบาลเพราะพี่สุเทพไม่พาแม่ถนิมไปรักษาโรคที่เป็น ซื้อยาให้แม่กินเอง ซื้อยาที่คุณแม่เคยมีผลข้างเคียง (แอสไพริน) ให้กินแทนยา PLAUIX ที่มีราคาสูง ทำให้แม่ถนิมมีเลือดออกในกระเพาะช็อกจนต้องเข้า ICU เมื่อพาไปพบแพทย์ก็ปกปิดประวัติ เมื่อไม่ให้มีการบันทึกในเวชระเบียน ทำให้แพทย์ไม่รู้ประวัติการเจ็บป่วย หรือยาที่เคยแพ้ ทำให้คุณแม่อยู่ในภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งต่อการเสียชีวิต
พี่สุเทพ ได้ให้ทนายวิ่งเต้นติดต่อกับบิดาของท่านผู้พิพากษาในคดีเพื่อให้ช่วยเหลือ ท่านผู้พิพากษาให้ลงบันทึกไว้แล้วในคดีดังกล่าวว่าได้มีความพยายามวิ่งเต้นจริง พยายามไม่นำนางถนิมมาศาลเพราะเกรงศาลจะพบข้อเท็จจริงว่าคุณแม่เจ็บป่วยเป็น โรคสมองเสื่อม เมื่อศาลเผชิญสืบก็แสดงอาการและคำพูดก้าวร้าวต่อท่านผู้พิพากษาจนมีการบันทึกพฤติกรรมของพี่สุเทพไว้ พี่สุเทพพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อมิให้หมอได้ดูแลคุณแม่ดังที่เคยทำมา ตลอดชีวิตความเป็นหมอที่มีความรู้ความชำนาญในทางอายุรศาสตร์ เพียงเพื่อเงินเท่านั้น
วิถีทางสุดท้ายคือทำให้หมอขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้อนุบาล คือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาเรื่องบ้านที่พบรถก็ไม่ใช่เป็นบ้านของหมอ กุญแจบ้านและโฉนดที่ทุกแปลง พี่สุเทพได้ขนย้ายไปเก็บไว้เอง หมอไม่เคยไปบ้านดังกล่าวเลยตั้งแต่ปี 2548 ที่คุณแม่เป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง และต้องการกลับไปเฝ้าบ้านเย็นอากาศ เพราะกลัวพี่สุเทพจะนำบ้านไปขาย หากติดตามข่าวตั้งแต่ต้นจะเห็นว่า พี่สุเทพเป็นคนนำกุญแจบ้านไปไขให้นายสว่างเข้าไปดูรถ นายสว่างก็เป็นลูกน้องของพี่สุเทพ ล้วนมีคดีติดตัวนับสิบคดี รวมทั้งคดีฆ่าคนตายด้วย นายสามารถก็มีคดีอาญาลักทรัพย์ และยาบ้าติดตัวอยู่
น.ส.วิลสา ที่ไปให้การเป็นพยานในคดีอนุบาลแม่ถนิม พี่สุเทพได้พยายามผูกเรื่องให้เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อทำลายคนอื่น รวมทั้ง น.ส.สุชาสิณี หลานของตนเองแท้ๆ
การที่หมอมีอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหมอเป็นนักกีฬายิงปืน มาตั้งแต่ 2533 ทดสอบอาวุธปืนได้เหรียญทองของตำรวจ นอกจากนั้นยังเป็นประธานกีฬายิงปืนสี่เหล่าถึงสี่สมัย สามารถตรวจสอบได้
การพิจารณาว่าหมอเป็นผู้ผิดโดยจับตัวไปขังคุกไม่ให้ประกัน แล้วแจ้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ให้โอกาสนำพยานหลักฐานมาแสดงนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม การพิจารณา ทว่าใครเป็นคนดี-เลว ต้องดูพฤติกรรมเดิม หมอพร้อมให้ตรวจสอบประวัติว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ทุ่มเทความรู้และเรี่ยวแรงเพื่อผู้ป่วยหรือไม่ ได้รับการยอมรับจากบุคลากรในองค์กรเลือกให้เป็นประธานองค์กรแพทย์จริงหรือไม่
การนำพฤติกรรมของพี่หรือบุคลิกในครอบครัวมาเปิดเผยเป็นเรื่องน่าละอาย หากคุณพ่อยังอยู่ (คุณพ่ออาศัยอยู่กับหมอจนเสียชีวิตในปี 2544) คงจะเสียใจ คำสั่งคุณพ่อ คุณแม่ ที่จะขอใช้ทรัพย์สินที่หามาได้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ สิ้นชีวิตแล้วลูกค่อยเอาไปแบ่งกัน ที่ทุกคนรู้ดีก็ถูกฝ่าฝืน ทุกคนแก่งแย่งทรัพย์สินของพ่อแม่ ไม่เคยคิดหากินด้วยตนเองทั้งๆ ที่พ่อ-แม่ให้ความรู้สูงๆ
รู้สึกเสียใจที่ต้องเปิดเผยพฤติกรรมของพี่ชายแท้ๆ แต่เพื่อปกป้องตนเอง ชื่อเสียงที่สร้างมาตลอดชีวิต พี่ชายแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ทำลายน้อง ทำลายหลานแท้ๆ เพื่อให้ได้สิ่งเดียวคือ เงิน คติพจน์ของคุณสุเทพคือ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ไม่มีหน่วยงานไหนปฏิเสธ เพียงแค่บ่นว่า ไม่พอ
ลงชื่อ นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และขอรับรองว่าเป็นลายมือของนายสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ 8 ต.ค. 2555
หมายเหตุ
พี่สุเทพมีโรงงานว่านหางจระเข้ขนาดใหญ่สร้างบนที่ดินที่หมอยกให้โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว มีคนงานไทยและพม่าเป็นจำนวนมาก ศศิธเรเป็นเด็กที่มารดาเก็บมาเลี้ยง มีส่วนในการยักยอกเงินของนางถนิม เป็นลูกจ้างนายสุเทพที่ให้ดูแลที่ดินหลังโรงงานและแปลงใกล้เคียง นายกะลาเป็นลูกน้องเก่าของพี่สุเทพ มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีคดีฆ่าคนตาย เคยจำคุกเพชรบุรี มีหมายจับคดีลักทรัพย์ พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่กะลาพูดทั้งหมดเป็นเรื่องที่พี่สุเทพสร้างขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนเองกระทำเรือนจำเพชรบุรี
จันทร์ 8 ต.ค.55
เรียน ผบ.เรือนจำเพชรบุรี
ข้าพเจ้านายอานนท์ เจริญชอบ อยู่ตรงข้ามบ้านหมอและเป็นเพื่อนกับนายกะลา นายกะลาเคยมากินเหล้าที่บ้านอยู่เป็นประจำ วันที่นายกะลาแขนขาดได้กินเหล้ากับข้าพเจ้าจนเมาแล้วไปรับจ้างพี่อ้อยโม่ข้าวโพดมือเลยเข้าไปในเครื่อง หลังไปรักษาหายได้ชวนข้าพเจ้าไปลักปืนในบ้านหมอ บอกว่าเคยลักปืนไปแล้วหมอไม่รู้ ให้เก็บปืนไว้ในช่องใต้หลังคา ข้าพเจ้าจึงไปกับกะลาลักปืนไปขาย 9 กระบอก และกะลาเอาปืนไป 1 กระบอกเป็นปืนลูกซองและเงินส่วนแบ่ง นายกะลาเมาเคยเล่าให้ฟังว่า หลังหลุดคดีฆ่าคนตายออกจากคุกไปหาเมีย พบว่า เพื่อนที่โรงงานว่านหางจระเข้ มาเอาเมียไปข่มขืน จึงยิงเพื่อนตายและแอบเอาไปฝังไว้ขอให้ช่วยบอกหมอและตำรวจด้วย
นายอานนท์ เจริญชอบ
ขอรับรองว่า น.ช.อานนท์ เจริญชอบ ถูกคุมขังภายในเรือนจำกลางเพชรบุรีจริงและได้เขียน จม.ฉบับนี้จริง
(นายสมพงษ์ แสงมณี) หัวหน้าฝ่ายควบคุมและรักษาการณ์ 8 ต.ค.2555