จับหนุ่มตรังฆ่าสาวญี่ปุ่นหนีกลับไทย19ปี
หนุ่มเมืองตรังหนีคดีฆาตกรรมสาวแดนปลาดิบกว่า 19 ปี สถานทูตประสานกองปราบรวบผู้ต้องหาขณะอยู่บนรถทัวร์ที่
กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.เกื้อกมล ดวงประทีป รอง ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ชลสิทธิ์ เทียมทัด สว.กก.6 บก.ป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย แถลงข่าวจับกุม นายวีรศักดิ์ หรือศักดิ์ เอี่ยมพงศ์ษา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 180/2 หมู่ 4 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1782/2555 ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2555 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จับกุมได้ที่รถทัวร์บริษัท ศรีสุเทพทัวร์ บริเวณที่จอดรถริมถนนเพชรเกษม ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.อวาจิ เมกูมิ (Awaji Megumi)อายุ 33 ปี ที่เมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2539 หรือ 19 ปีที่แล้ว
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ยูอิจิ ฮารา (Uichi Hara)ตำรวจนครบาลกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ประสานงานกับตำรวจ บก.ป.เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมนายวีรศักดิ์ ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า นางเมงูมิ อาวาจิ ชาวญี่ปุ่น เหตุเกิดในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2536 ก่อนหลบหนีคดีกลับมาประเทศไทย โดยทางตำรวจญี่ปุ่น ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งได้ขออนุมัติศาลเขตโตชิมะ ออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2536 แต่เนื่องจากประเทศไทยและญี่ปุ่น ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน จึงต้องประสานขอให้ทางการไทย ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมและลงโทษผู้ต้องหารายนี้ตามกฎหมายไทย
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีการประสานงานผ่านอัยการสูงสุด และสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย แต่เรื่องกลับเงียบหายไปเป็นระยะเวลานานเกือบ 20 ปี ซึ่งคดีใกล้จะขาดอายุความแล้ว ต่อมาภายหลัง บก.ป.ได้ดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานตำรวจของไทยและญี่ปุ่น ตามความร่วมมือทางคดีอาญา โดยส่งชุดสืบสวน กก.6 บก.ป.ร่วมกับพนักงานอัยการสำนักคดีอาญาและสำนักงานต่างประเทศ เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในคดี ก่อนจะขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหา กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่ผู้ต้องหากำลังเดินทางจากบ้านพักใน จ.ตรัง“ที่ได้รับการประสานจากสถานทูตญี่ปุ่นในช่วงก่อนจะหมดอายุความ 20 ปีนี้ เนื่องจากทางญี่ปุ่นยังคิดว่าผู้ต้องหาหลบอยู่ในประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งทราบว่าได้หลบหนีอยู่ในประเทศไทยจึงประสานมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มอบหมายให้กองปราบ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนคดี จนกระทั่งสามารถจับผู้ต้องหาได้ในที่สุด” พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าว
ในขณะที่ เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น กล่าวว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ ถือว่าเป็นความผิดกฎหมายไทยที่กระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งพยานบุคคลและเอกสารต่างๆอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น จากการประชุมกันในวันที่ 24-28 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ทาง บก.ป.ได้ขอออกหมายจับ ต่อจากนี้จะสรุปสำนวนส่งอัยการ เพื่อที่อัยการสูงสุดฟ้องศาลอาญา เบื้องต้นจะดำเนินคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ด้าน นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อครั้งที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ด้วยความที่ยังไม่มีที่พักอาศัย และเงิน จึงได้ไปทำงานอยู่ที่บาร์โฮสท์ จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมารู้จักกับ น.ส.อวาจิ เมกูมิ ซึ่งมาที่ร้านเพียง 2 ครั้ง
“อีก 1-2 วันต่อมาผู้ตายได้มาใช้บริการที่ร้าน และชักชวนให้ไปอยู่ที่อพาร์ตเมนท์ ซึ่งมีคนพม่าอีก 1 คนพูดภาษาญี่ปุ่นได้เป็นคนคอยสอนภาษาญี่ปุ่นกับผม ในระหว่างนั้นผมก็ต้องไปทำงานเย็นกลับเช้า รู้ต่อมาว่าผู้ตายได้ไปเล่นไพ่ป๊อก โดยเป็นเจ้ามือเองซึ่งเสียเงิน เลยให้ผมไปสับไพ่แทนแต่ก็ยังเสีย จนในที่สุดก็ได้กลับบ้าน” นายวรศักดิ์ กล่าว
ผู้ต้องหากล่าวอีกว่า เมื่อกลับมาถึงที่อพาร์ตเม้นท์ ได้มีปากเสียงกับผู้ตายจากกรณีกุญแจบ้านที่หายไป และผู้ตายได้พูดเรื่องที่ได้อาศัยอยู่มา 4-5 วัน
“ผู้ตายได้ด่าผมทำนองว่าเป็นผู้ชายขายบริการ เหมือนหมาจนตรอก แล้วถุยน้ำลายใส่ ผมก็ถอยมานั่งที่โต๊ะอาหารอีกห้องหนึ่ง พอดีกับที่มีมีดลอยมาโดนกำแพงห้อง ด้วยความกดดันอยากกลับบ้าน เงินก็ไม่มี จึงหยิบมีดเดินไปหา ซึ่งก็ถูกผู้ตายถุยน้ำลายใส่ ก่อนจะปัดแขนผมจนมีดหล่นบนที่นอน ผมเลยเข้าไปแย่งคว้ามีดมาได้แล้วแทง1 ที ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูที่โพกผมกับสายเข็มขัดรัดคอ แล้วหยิบเงินใบละ 1 หมื่นเยน ประมาณ 30-40 ใบ พร้อมด้วยทรัพย์สิน แหวนเพชร กล้องถ่ายวีดีโอ หลบหนีกลับประเทสไทยแล้วนำมาขาย” นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่าง 19 ปีที่หลบหนีนั้น นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ได้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เคยค้าขายที่ จ.ภูเก็ต จนกระทั่งเกิดสึนามิ จึงได้ย้ายไปหากินในบ่อนคาสิโนที่ประเทศกัมพูชา
“ตอนที่ไปญี่ปุ่นนั้นผมก็คิดเอาเองตามประสาเด็กอายุ 17-18 ปีว่า คงจะเหมือนบ้านเรา ค่าเช่าบ้านไม่แพง แต่พอไปถึงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตั้งแต่ก่อเหตุ 19 ปีที่ผ่านมาผมไม่มีความสุขเลย เรื่องที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจนั้น ถ้าใครเป็นผมก็คงรู้ว่าอย่างไรก็ต้องหนี” นายวีรศักดิ์ กล่าว