หึงโหด!ฆ่าปาดคอสาวแทงพรุน14แผล
หึงโหดฆ่าปาดคอสาวบัญชีกรมพลศึกษา แทงซ้ำร่างพรุน 14 แผล เกิดการต่อสู้ฝ่ายชายถูกแทงปางตาย
เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 7 ตุลาคม โดยร.ต.ต.มนตรี คำขาว พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทจนมีหญิงถูกปาดคอเสียชีวิตภายในห้องเลขที่ 406 ชั้น 4 อาคารเจริญผล อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 83 ถนนบรรทัดทอง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และสายตรวจ สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 6 ชั้น เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พบว่าห้องดังกล่าวถูกล็อกจากด้านใน เมื่อเคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้ชะแลงพังประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ตรวจสอบก็พบร่างของนายชาญชัย วินากร อายุ 29 ปี นอนหงายอยู่กลางห้องในสภาพหายใจรวยริน มีบาดแผลถูกปาดที่ลำคอ 1 แผล และถูกแทงที่หน้าท้องอีก 1 แผล เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตเป็นการด่วน
ขณะเดียวกันยังพบศพ น.ส.สายชล คงแก้ว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 หมู่ที่ 6 ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมชุดนอนสีชมพูอ่อน ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกปาดที่ลำคอจนเป็นแผลฉกรรจ์เห็นหลอดลม 1 แผล และถูกแทงตามแผ่นหลังอีกทั้งหมด 14 แผล
ตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุพบร่องร่อยต่อสู้จนข้าวของกระจัดกระจาย มีรอยเลือดกระเด็นติดตามฝาผนัง บนที่นอนและตามข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบมีดพับยาวประมาณ 6 นิ้วเปื้อนเลือดตกอยู่บนพื้น 1 เล่ม เสื้อพนักงานของบริษัท 1 ตัว น่าจะเป็นเสื้อทำงานของนายชาญชัย และจดหมายลาตายเขียนด้วยลายมือบนกระดาษเอ 4 จำนวน 3 แผ่นวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง โดย 2 แผ่นแรกเขียนด้วยลายมือฝ่ายชาย มีข้อความว่า "ผมทุ่มเททุกอย่าง เพราะมึง ไอ้เมธที่ทำให้ต้องเป็นแบบนี้ มึงทำให้ตาลตีตัวออกห่างกู เราขอตายด้วยกัน ขอโทษทุกคนที่ต้องเป็นแบบนี้ จบซักที"
ส่วนอีกแผ่นเขียนด้วยลายมือฝ่ายหญิง มีข้อความว่า "แม่ ตาลขอโทษ ตาลทำให้แม่เสียใจ ตาลขอโทษแม่ ตาลขอตายกับเขา ตาลทำร้ายจิตใจแม่ พ่อ ต้นข้าว" เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนนางชลธิชา อิ่นทา อายุ 49 ปี อาของผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายทำงานเป็นพนักงานบัญชีของกรมพลศึกษามาได้ประมาณ 2 ปี แล้ว และพักอาศัยอยู่ที่ห้องที่เกิดเหตุเพียงลำพังได้ประมาณ 1 ปี เนื่องจากสามีกับลูกสาว อายุ 7 ขวบ นั้นทำงานกับเรียนหนังสืออยู่ที่ จ.สงขลา โดยก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 23.00 น. สามีผู้ตายโทรศัพท์มาบอกตนให้รีบมาหาผู้ตายเพื่อรับไปนอนที่บ้านย่านลาดพร้าวด้วย เนื่องจากถูกฝ่ายชายบุกมาข่มขู่ถึงที่ห้องพัก
ตนจึงชวนลูกสาวนั่งแท็กซี่ออกมาหา เมื่อมาถึงที่ห้องก็ได้ยินเสียงผู้ตายกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น แต่ห้องถูกล็อกจากด้านใน ตนจึงเคาะประตูตะโกนเรียกหลานสาวแต่ก็ไม่มีใครยอมเปิด จึงรีบไปสน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ
"หลังจากนั้นฉันก็ย้อนกลับมาที่ห้องหลานสาวเสียงเงียบไปแล้ว แต่ประตูห้องยังล็อกอยู่ ฉันก็บอกให้ตำรวจพังประตูเข้าไปเลย จนกระทั่งก็พบว่าหลานสาวนอนแน่นิ่งกลายเป็นศพไปแล้ว" นางชลธิชา กล่าวและว่า
สำหรับนายชาญชัย นั้นทางครอบครัวตนไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน แต่ช่วงที่หลานสาวเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่จ.สงขลา ก็เคยเล่าให้พวกตนฟังว่า นายชาญชัยเข้ามาติดพันและพยายามข่มขู่หลายรอบ บางครั้งก็เคยพยายามลวนลามด้วย จนหลานสาวรู้สึกกลัวจึงปรึกษาสามีขอให้ช่วยทำเรื่องย้ายกลับไปทำงานที่ จ.สงขลา ซึ่งต้นสังกัดก็อนุมัติแล้ว กำลังหาสังกัดใหม่ลงอยู่ แต่ก็มาถูกฆ่าเสียก่อน ส่วนเรื่องจดหมายลาตายที่พบว่าเป็นลายมือของหลานสาวตน 1 แผ่นนั้น ตนเชื่อว่าน่าจะถูกนายชาญชัยบังคับให้เขียนแน่นอน เพราะหลานสาวเป็นคนโทรศัพท์ไปบอกสามีเพื่อขอความช่วยเหลือด้วยตัวเอง จึงเป็นไปไม่ได้ที่หลานสาวจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับนายชาญชัย
พ.ต.ท.พนม กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปเฝ้าตัวนายชาญชัยที่โรงพยาบาลจุฬาฯแล้ว หากอาการดีขึ้นจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็จะแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนากับนายชาญชัย ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป