วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ สภ.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
พร้อมนายศุภณัฐ หิรัณธวิเนติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบุคลากร ศอ.บต. พ.ต.อ.สันติ เหล่าประทาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรยะหา นายปรีชา ธนกิจกำจร นายอำเภอยะหา จ.ยะลา ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ผู้ต้องสงสัยข่มขู่ผู้ประกอบการร้านค้าในย่านชุมชนตลาดเก่า อ.เมืองจังหวัดยะลา และปั๊มน้ำมัน อ.ยะหา จ.ยะลา หลังชาวบ้านผู้ประกอบการแจ้งความดำเนินคดี กับผู้ต้องสงสัย โดยแจ้งหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ผู้ก่อเหตุ
จากการสอบสวนทราบชื่อคือ นายฮาซัน ปานาวา อายุ 22 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.4 ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นนักศึกษาของโรงเรียนเชคดาวก อัลฟานอ และนายอับดุลรอเซะ ยูโซ๊ะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที 130 หมู่ที่ 6 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา โดยนายฮาซัน ปานาวาขับรถจักรยานยนต์ เข้าไปสอบถามผู้ประกอบการร้านค้าย่านธุรกิจแถวตลาดเก่าว่า ปิดร้านวันไหน ทำไมไม่ปิดร้านวันศุกร์ แล้วขับรถจักรยานยนต์ออกไป สร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้านผู้ประกอบการ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่
ด้านนายอับดุลรอเซะ ยูโซ๊ะ ขับรถจักรยานยนต์ทำทีขอกินน้ำที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งตัว อ.ยะหา และพูดจาข่มขูพนักงานปั๊มน้ำมันว่าให้ปิดร้านวันศุกร์
หากไม่กระทำตามจะไม่รับรองความปลอดภัยของพนักงานปั๊ม โดยเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้กระทำการจริง แต่ที่ทำลงไปเพราะความคึกคะนอง ไม่คาดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ สำหรับนายอับดุลรอเซะนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสารเสพติดในร่างกาย เพราะอยู่ในอาการมึนเมา และทำการสอบสวนในขั้นต่อไปว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มกระบวนการก่อเหตุรุนแรง ที่ข่มขู่ประชาชนไม่ให้ออกมาประกอบอาชีพในวันศุกร์หรือไม่
ขณะที่นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลากล่าวว่า อยากให้ผู้ประกอบการร้านค้าในเขตพื้นที่มีความมั่นใจ
ส่วนการค้าขายในวันศุกร์นั้น ศอ.บต. ได้ทำหนังสือถึงจุฬาราชมนตรี เพื่อสอบถามว่าผิดหลักศาสนาหรือไม่ ทางด้านสำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกประกาศชี้แจงแล้วว่า การประกอบอาชีพหรือการทำงานในวันศุกร์ไม่ได้ผิดหลักศาสนาแต่อย่างใด ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจ ซึ่งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดภาคใต้ ร่วมกันสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยการเดินให้กำลังใจบริเวณย่านธุรกิจการค้า พร้อมกับกองกำลัง 3 ฝ่ายและผู้นำศาสนาในพื้นที่อีกด้วย